โครงการสร้างต้นแบบเพื่อจัดทำองค์ความรู้ ด้านงานประดับมุกแบบญี่ปุ่น
โครงการสร้างต้นแบบเพื่อจัดทำองค์ความรู้ ด้านงานประดับมุกแบบญี่ปุ่น ปีงบประมาณ 2557
คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies) |
เปิดใช้งานตลอด |
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies) |
|
โครงการสร้างต้นแบบเพื่อจัดทำองค์ความรู้ ด้านงานประดับมุกแบบญี่ปุ่น ปีงบประมาณ 2557
การจัดทำเอกสารองค์ความรู้เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการศึกษารวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำองค์ความรู้ทางด้านศิลปกรรมประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ด้านการซ่อมบูรณะงานศิลปกรรมแบบสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ด้านงานปิดทองงานประดับกระจก ในงานซ่อมตะลุ่มประดับกระจกบางของวัดชนะสงคราม โดยจะมีการบรรยายถึงกรรมวิธีการทำกระจกบางเพื่อใช้เป็นวัสดุทดแทนกระจกเดิมที่ชำรุดเสียหาย การตัดกระจก และการประดับกระจก สืบเนืองมาจากทางวัดชนะสงครามได้ขอความอนุเคราะห์จากสำนักช่างสิบหมู่ช่วยเหลือบูรณซ่อมแซมตะลุ่มประดับกระจกที่ชำรุดเสียหายจำนวน ๒ ใบ ด้วยเห็นว่าทางกลุ่มงานช่างปิดทองประดับกระจกและช่างสนะไทย กลุ่มประณีตศิลป์ กรมศิลปากร มีความชำนาญทางด้านงานประณีตศิลป์ จึงได้ขอความอนุเคราะห์ให้ซ่อมแซมตะลุ่มเพื่อให้กลับคงสภาพสมบูรณ์รักษาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป ทางกลุ่มงานช่างปิดทองประดับกระจกและสนะไทยยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ซ่อมบูรณะตะลุ่มประดับกระจก ทั้ง ๒ ใบนี้ บัดนี้ได้ทำการซ่อมแซมตะลุ่มประดับกระจกบางเสร็จสมบูรณ์ และได้ทำการส่งมอบกลับคืนให้ทางวัดชนะสงครามเป็นที่เรียนร้อยแล้ว ด้วยทางกลุ่มงานช่างปิดทองเล็งเห็นว่าในการซ่อมแซมตะลุ่มประดับกระจกบางในครั้งนี้มีเทคนิคพิเศษหลายอย่างที่น่าสนใจควรแก่การจดบันทึก จึงได้จัดทำเอกสารองค์ความรู้นี้ขึ้น เพื่อเป็นองค์ความรู้ให้ชนรุ่นหลังต่อไป
งานปั้นปูนเป็นงานประณีตศิลป์แขนงหนึ่งที่มีมาแต่สมัยโบราณ ถ้าแบ่งตามลักษณะประเภทของงานแล้วงานปั้นปูนจัดอยู่ในประเภทงานประติมากรรม แต่จะแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไปตรงเทคนิคการปั้นและวัสดุในการทำงาน เราเรียกวัสดุที่ใช้ในงานปั้นปูนว่า “ปูนตำ” เนื่องจากลักษณะของการเตรียมวัสดุที่ต้องนำส่วนผสมต่าง ๆ มาผ่านกระบวนการตำหรือโขลก หรือการบดย้ำด้วยแรงกระแทก เพื่อให้วัสดุที่ผสมลงไป รวมตัวกลายเป็นเนื้อปูนที่ใช้ในการทำงาน ปูนตำยังสามารถจัดแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้อีก ๒ ประเภทคือ “ปูนไทย” และ “ปูนน้ำมัน”
เส้นฮ่อ ตามแนวทางสันนิษฐานน่าจะมาจากลายสะบัดพลิ้วของริ้วผ้า ซึ่งเป็นลายของจีนฮ่อแต่โบราณ ไทยเราอาจได้รับอิทธิพลมาแล้วภายหลังนำมาดัดแปลงให้เหมาะสมตามแนวทางศิลปะไทยของเราเอง แต่ก็ยังคงสภาพการสะบัดอันเป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวของเส้นอยู่ เท่าที่เห็นปรากฏอยู่เกี่ยวกับศิลปะไทยมีอยู่หลายอย่าง เช่น ทางจิตรกรรม ประติมากรรม ลายรดน้ำและแกะสลักไม้ เป็นต้น