คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies) |
เปิดใช้งานตลอด |
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies) |
|
ศิลปกรรมทางด้านการแกะแม่พิมพ์หินสบู่อยู่คู่กับกระบวนการสร้างหัวโขนตั้งแต่ในสมัยอดีตกาล ซึ่งปัจจุบันความนิยมในการใช้แม่พิมพ์หินสบู่เริ่มจางหายไปตามกาลเวลา สืบเนื่องจากวัสดุที่ค่อนข้างหายาก ความเสียหายของวัสดุซึ่งเกิดจากการสึกกร่อนในขั้นตอนกระแหนะลาย สำหรับประกอบขึ้นให้ได้ศิลปกรรมหัวโขนที่สวยงามตระการตา และด้วยความที่เป็นวัสดุธรรมชาติหายากนั่นเอง จึงถูกเทคโนโลยีสมัยใหม่ผลิตวัสดุเข้ามาทดแทนวัสดุธรรมชาติที่เคยใช้งานกันมาตั้งแต่สมัยอดีต จนความเป็นธรรมชาติเหลือไว้แค่เพียงโบราณวัตถุให้ได้ศึกษา น้อยคนนักจะกลับไปใช้วัสดุจากธรรมชาติเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปกรรมซึ่งนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของประเทศไทย ด้วยความสำคัญซึ่งเล็งเห็นคุณค่าของงานศิลปกรรมทางด้านงานแกะแม่พิมพ์หินสบู่นี้เอง กรมศิลปากรจึงมอบหมายให้ ศูนย์ศิลปะและการช่างไทย สำนักช่างสิบหมู่ จัดทำโครงการสร้างต้นแบบเพื่อจัดทำองค์ความรู้ด้านศิลปกรรม ความรู้ทางด้านงานแกะแม่พิมพ์หินสบู่ เพื่อการเผยแพร่ความรู้ด้านศิลปกรรมให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปได้ศึกษาหาความรู้เบื้องต้นทางด้านงานแกะแม่พิมพ์หินสบู่ เพื่อนำไปขยายผลในการทำงานด้านงานแกะแม่พิมพ์หินสบู่ให้เกิดคุณค่าและมูลค่าต่อสังคมไทยต่อไป อย่างไรก็ตามการทำหนังสือการจัดสร้างต้นแบบเพื่อจัดทำองค์ความรู้ด้านศิลปกรรม ความรู้ ในเล่มนี้หากมีข้อบกพร่องประการใด ขอให้ท่านผู้รู้โปรดช่วยชี้แจงให้ทราบด้วย เพื่อจะได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป
การเขียนศรีษะลิง แบบต่างๆ
มณฑปกับบุษบก ลักษณะรูปหลังคาเป็นอย่างเดียวกัน ต่างแต่ขนาดใหญ่กับเล็ก แถมประสาทเข้าด้วยถ้ามีมุขก็เรียก “ปราสาท” จะเห็นได้จากหลังคาปราสาทว่าเป็นเรือนชั้น ถ้าดูปราสาทพม่าหรือถะของจีนแล้วจะเห็นได้ชัดเจนเพราะเขาไขชั้นสูงมีบัญชรด้วยแต่ของเราย่นชั้นหลังคาลงมาซ้อนกันจนทำให้ฝาหายไป เรือนยอดขนาดใหญ่ที่คนเข้าได้หลายคนเรียกว่า "มณฑป" เรือนยอดแบบนี้ถ้าประกอบมุข (หลังคาซ้อนหลายชั้น) เขาเรียกว่า “ปราสาท” ถ้ามีแต่ยอดขนาดเล็กคนเข้าได้คนเดียวหรือเข้าไม่ได้เลยเรียก “บุษบก”