๑. สำรวจจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์กำหนดวางแผนในการปฏิบัติงานศึกษาค้นคว้ากรรมวิธีการลงรักปิดทองแบบโบราณจากผู้มีประสบการณ์และจากข้อมูลที่เคยมีการจดบันทึกไว้
๒. ล้างลอกผิวเดิมที่เป็นสารสังเคราะห์ออกให้หมดจนถึงเนื้อสัมฤทธิ์โดย ใช้น้ำยาล้างลอกสี ประมาณ
๒ - ๓ รอบ
ลอกผิวด้วยน้ำยาลอกสี
3. ขัดล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของมะนาว เช่น น้ำยาล้างจานซันไลล้างประมาณ ๓-๕ รอบ ทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ ๓ - ๕ วัน


ล้างขัดทำความสะอาด
๔. หลังจากล้างลอกผิวเดิมที่เป็นสารสังเคราะห์ออกจนหมดแล้ว มีส่วนเนื้อสัมฤทธิ์บางส่วนเกิดการเสียหาย
ภาพก่อนซ่อมส่วนเนื้อสัมฤทธิ์
ภาพหลังซ่อมส่วนเนื้อสัมฤทธิ์
ล้างขัดทำความสะอาด
๕. ผสมรักสมุกที่ใช้สำหรับทาอัตราส่วน ๑ ต่อ ๕ (สมุกดินเผา ๑ ส่วน รักน้ำเกลี้ยง ๕ ส่วนนวดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน) จะได้เนื้อของรักสมุกเหลวเหมาะสำหรับมาทาเป็น พื้น
๖. ทารักสมุก ๑ ต่อ ๕ ให้ทั่วในส่วนที่มีผิวเรียบ เช่น ใบหน้า แขน มือ ขา ในส่วนจีวรที่มีลวดลายใช้รักน้ำเกลี้ยงทาให้ทั่วโดยไม่ให้มีรักกรอง หรือ หนามากเกินไป จะทำให้ลวดลายโดนรักถ่มจนหายไป ทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ ๓-๕ วัน

๗. ขัดด้วยกระดาษทรายเบาๆให้ทั่วทั้งองค์พระตั้งแต่ฐานล่างสุดจนถึงยอดบนสุดเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดให้ทั่วทั้งองค์ทิ้งให้แห้งสนิท
๘. นำรักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วมาทาบางๆให้ทั่วตั้งแต่ฐานล่างสุดจนถึงยอดบนสุดขององค์พระ
๙. ผสมรักสมุกที่ใช้ยาอุดอัตราส่วน ๕ ต่อ ๓ (คือรักสมุกดินเผา ๕ ส่วน รักน้ำเกลี้ยง ๓ ส่วน นวดให้เข้าเป็นเนื้อ
เดียวกัน) จะได้เนื้อรักสมุกเหนียวข้นเหมาะสำหรับนำมายาอุดเพิ่มผิวองค์พระและเก็บรายละเอียดในส่วนที่ไม่เรียบร้อยให้สมบูรณ์ ในส่วนจีวรที่มีลวดลายใช้รักน้ำเกลี้ยงทาให้ทั่วโดยไม่ให้มีรักกรอง หรือ หนามากเกินไป
๑๐. นำรักสมุก ๕ ต่อ ๓ นวดดีแล้วมายาอุดให้ทั่วในส่วนที่เป็นผิวเรียบ ด้วยเกรียงพลาสติกจะทำให้ใช้งานในส่วนโค้งและส่วนเว้าขององค์พระได้เรียบเนียน ยิ่งขึ้นทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ ๑ สัปดาห์ ยาอุดรักสมุก ๕ ต่อ ๓ คือรักสมุกดินเผา ๕ ส่วน รักน้ำเกลี้ยง ๓ ส่วน
๑๑. ขัดด้วยกระดาษทรายเบาๆให้ทั่วตั้งแต่ฐานล่างสุดจนถึงยอดบนสุด
๑๒. เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดประมาณ ๒-๓ รอบทิ้งให้แห้งสนิท
๑๓. ปฏิบัติงานขั้นตอนทารักน้ำเกลี้ยงบางๆ ยาอุดรักสมุก ๕ ต่อ ๓ ทิ้งให้แห้งสนิทขัดด้วยกระดาษทรายเบาๆเช็ดผ้าชุบน้ำหมาดทิ้งให้แห้งสนิท ปฏิบัติงานขั้นตอนดังกล่าวประมาณ ๓ รอบ เพื่อให้เพิ่มผิวองค์พระมีเนื้อเรียบเนียนยิ่งขึ้น
๑๔. นำรักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วมาทาให้ทั่วตั้งแต่ฐานล่างสุดจนถึงยอดบนสุดขององค์พระแล้วจึงนำเข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ ๑ สัปดาห์
๑๕. ขัดด้วยกระดาษทรายเบาๆให้ทั่วตั้งแต่ฐานล่างสุดจนถึงยอดบนสุดขององค์พระ
๑๖. เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดประมาณ ๒-๓ รอบ ตั้งแต่ยอดบนสุดจนถึงฐานล่างสุดทิ้งให้แห้งสนิท
๑๗. ปฏิบัติงานขั้นตอนทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองแล้ว เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทขัดด้วยกระดาษทรายเบาๆ เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดทิ้งให้แห้งสนิทปฏิบัติงานขั้นตอนดังกล่าวประมาณ ๓ รอบ เพื่อให้ผิวเนียนยิ่งขึ้นเวลาปิดทองจะเงาทำให้งานที่ออกมาสวยงามยิ่งขึ้น
๑๘. นำรักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วมาทาเพื่อปิดทองคำเปลว ๑๐๐% ให้ทั่วตั้งแต่ฐานล่างสุดจนถึงยอดบนสุด เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้ง
๑๙. นำทองคำเปลว ๑๐๐% มาปูให้ทั่วทั้งแต่ฐานล่างสุดจนถึงยอดบนสุด
ปิดทอง
๒๐. นำแผ่นพลาสติก(ถุงพลาสติกใส่ผลไม้)มาตัดให้ได้ขนาดเหมาะสมนำมาหุ้มปลายพู่กันเพื่อใช้กวดบริเวณที่เป็นรอยต่อ ของทองแต่ละแผ่นที่ปูโดยกวดให้แผ่นบนแนบทับบนแผ่นล่างแล้วใช้พู่กันแตะทองมายีในส่วนที่นิ้วกวดไม่ถึง ให้ทั่วทั้งองค์พระ


กวดทองด้วยพู่กันสวมถุงพลาสติก
๒๑. ปัดฝุ่นทองออกให้หมดแล้วนำสำลีมากวดที่ผิวองค์พระที่ปิดทองแล้วให้ผิวทองเรียบเนียนยิ่งขึ้น
