ขั้นตอนที่ ๑ ขั้นตอนออกแบบ
เป็นการอออกแบบโดยยึดรูปแบบจากบุษบกและฐานพระประธานองค์ยืน ในพระอุโบสถบวรสถานสุทธาวาส (วังหน้า) วัสดุที่ใช้เป็นไม้สัก แกะสลักลวดลายใบเทศ มีขนาดความกว้าง ๕๔ เซนติเมตร ยาว ๑๑๐ เซนติเมตร สูง ๕๔ เซนติเมตร
แบบโต๊ะวางเครื่องสักการะ พระอุโบสถบวรสถานสุทธาวาส (วังหน้า)
ขั้นตอนที่ ๒ ขั้นตอนการแกะสลัก
ช่างไม้และช่างแกะสลัก ได้ทำการแกะสลักลวดลายตามที่ได้ออกแบบไว้
แกะสลักลวดลายตามแบบเสร็จเรียบร้อย
ขั้นตอนที่ ๓ ขั้นตอนการลงรักปิดทองประดับกระจก
๑. เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์
- เครื่องเป่าลม
- แปรง ใช้สำหรับปัดฝุ่น
- ผ้าซิลค์สกรีนเบอร์ ๗๐
- รักน้ำเกลี้ยง
- สมุกกะลา
- สมุกอิฐ
- แผ่นกระจก ใช้สำหรับการผสมสมุก และชาด
- น้ำมันพืช ใช้สำหรับล้างอุปกรณ์
- พู่กันแบนเบอร์ ๑๐ ใช้สำหรับทารัก
- เกรียงโป๊ว ขนาด ๒ นิ้ว
- กระดาษทรายเบอร์ละเอียด
- พู่กันแบนเบอร์ ๑๐ หุ้มด้วยถุงพลาสติกชนิดบางและนิ่ม ใช้ในการปิดทอง
- ตู้บ่ม
- ที่ฉีดน้ำ
- ทองคำเปลว ๑๐๐%
- แปรงขนอ่อน
- กระจกสีขาว , กระจกโค้งสีเขียว ,กระจกโค้งสีน้ำเงิน
- เพชรตัดกระจก
- กรรไกรขนาดเล็ก ใช้สำหรับเล็มกระจก
- ไม้โปรแทรกเตอร์
- กระดาษกร๊าฟ
- ไม้ปลายแหลม อีกด้านพันด้ายขี้ผึ้ง ใช้สำหรับจับกระจก
- กาวอีพ็อกซี่ A , B
- เกรียงสีน้ำมัน เบอร์ ๑๐ (เกรียงปาด)
- ฝุ่นดำ
- น้ำมันยาง
- ผงครั่ง
- ผงชาด
- พู่กันแบนเบอร์ ๑๐ , ๒๐ ใช้สำหรับทาชาด
๒. การทำพื้น
- ใช้เครื่องเป่าลมและแปรงปัดทำความสะอาดเอาฝุ่นและเศษไม้ที่หลงเหลือจากการแกะสลักออกให้หมด
- ตำสมุกกะลาในครกหิน แล้วใช้ช้อนตักผงสมุกมาใส่ในผ้าซิลค์สกรีนเบอร์ ๗๐ รวบมุมทั้งสี่ของผ้าแล้วทำการเขย่า ผงสมุกกะลาที่ละเอียดก็จะหล่นลงมาในภาชนะที่เตรียมไว้
- กรองรักน้ำเกลี้ยง ด้วยผ้าซิลค์สกรีนเบอร์ ๗๐ เพื่อให้ได้เนื้อรักที่บริสุทธิ์เนื้อเนียน กรองรักกลางแดดเพราะรักจะเหลว ไหลดีและเพื่อเป็นการขับน้ำที่หลงเหลือในรักระเหยออกไป ช่วยทำให้ยางรักแห้งเร็วขึ้น
กรองสมุกกะลากรองรักน้ำเกลี้ยง
- ทำสมุกเหลว โดยการนำสมุกกะลาผสมกับรักน้ำเกลี้ยงบนกระจก ใช้เกรียงนวด รีดจนไม่มีเม็ด เนื้อเนียนละเอียดเข้ากัน สมุกเหลวที่ใช้ได้คือเวลาที่ใช้เกรียงตักขั้นมาจะไหลเป็นสายต่อเนื่อง เหลวจนใช้พู่กันทาได้ การทาสมุกเหลวเพื่อเป็นการกลบเสี้ยนไม้ รอยต่อไม้ต่างๆ
ทำสมุกเหลวสมุกเหลว
- ใช้เครื่องเป่าลมและแปรงปัดฝุ่น แล้วจึงทาสมุกเหลวบางๆ ให้ทั่ว ๑ รอบ ข้อควรระวัง คืออย่าให้สมุกขัง หรือกองในร่องลาย รายละเอียดต่างๆ เสร็จแล้วนำเข้าตู้บ่มที่ได้ฉีดน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว รอแห้ง
ทาสมุกเหลวกรองสมุกอิฐ
- ตำสมุกอิฐในครกหิน แล้วใช้ช้อนตักผงสมุกมาใส่ในผ้าซิลค์สกรีนเบอร์ ๗๐ ที่ได้ทำการขึงบนภาชนะเรียบร้อยแล้ว ใช้มือกด วนๆ ผงสมุกอิฐที่ละเอียดก็จะหล่นลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้
- ทำสมุกข้น โดยการนำสมุกอิฐผสมกับรักน้ำเกลี้ยงบนกระจก ค่อยๆ เพิ่มสมุกอิฐเข้าไปทีละน้อย ใช้เกรียงนวดจนเนื้อเนียนละเอียดเข้ากัน นำไปตำต่อในครกหิน ตำ นวด จนเหนียวได้ที่ มีลักษณะคล้ายดินน้ำมันจนสามารถปั้นได้
ทำสมุกข้น
สมุกข้น
- ใช้เครื่องเป่าลมและแปรงปัดฝุ่น แล้วจึงนำสมุกข้นมาปั้น แต่งลายที่หลุดให้สมบูรณ์ อุดร่อง รอยต่อไม้ต่างๆ เสร็จแล้วนำเข้าตู้บ่มที่ได้ฉีดน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว รอแห้ง
- ใช้เครื่องเป่าลมและแปรงปัดฝุ่น แล้วจึงทารักน้ำเกลี้ยงบางๆ ให้ทั่ว ระวังอย่าให้รักขัง หรือกองในร่องลาย รายละเอียดต่างๆ เมื่อทาเสร็จแล้วนำเข้าตู้บ่มที่ได้ฉีดน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้แห้งสนิทแล้วจึงทาครั้งต่อไป โดยทาทั้งหมด ๒ รอบ
แต่งลาย อุดร่อง รอยต่อไม้ต่างๆทารักน้ำเกลี้ยงรอบที่ ๑
- ลูบเบาๆ ด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียด เอาเศษผง เศษฝุ่นออก ระวังอย่าให้ถึงเนื้อไม้ เพราะถ้าถึงเนื้อไม้ ส่วนนั้นก็จะแห้งช้าลูบเบาๆ ด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียดเป่าลมเพื่อเอาฝุ่นออก
- ใช้เครื่องเป่าลมและแปรงปัดฝุ่น แล้วจึงทารักน้ำเกลี้ยงบางๆ ให้ทั่ว ระวังอย่าให้รักขัง หรือกองในร่องลาย รายละเอียดต่างๆ เมื่อทาเสร็จแล้วนำเข้าตู้บ่มที่ได้ฉีดน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้แห้งสนิทแล้วจึงทาครั้งต่อไป โดยทาทั้งหมด ๒ รอบ (สังเกตว่าพื้นรักมีความอิ่มตัว ขึ้นเงาวาวหรือไม่ ถ้าไม่ สามารถเพิ่มจำนวนรอบการทารักน้ำเกลี้ยงได้ เพราะถ้าพื้นรักมีความอิ่มตัว ขึ้นเงาวาว จะช่วยให้ทองที่ปิดเกิดความเงางาม
ขั้นตอนที่ ๔ การปิดทอง
- ใช้เครื่องเป่าลมและแปรงปัดฝุ่น แล้วจึงทารักน้ำเกลี้ยงปิดทองให้ทั่ว ระวังอย่าให้รักขัง หรือกองในร่องลาย รายละเอียดต่างๆ ทารักให้พอดีกับที่เราจะปิดทองในแต่ละวันเท่านั้น เมื่อทาเสร็จแล้วนำเข้าตู้บ่มที่ได้ฉีดน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว
ทารักน้ำเกลี้ยงปิดทอง
- พอรักแห้งหมาดๆ ทำการปิดทอง ใช้ทองคำเปลว ๑๐๐% ปิดเรียงกันให้ทั่ว แล้วใช้พู่กันหุ้มถุงพลาสติกชนิดบางทำการกวดทองให้ทั่ว และแตะแผ่นทองยีเบาๆ ตรงร่องลายที่ลึกและในส่วนที่นิ้วเรากวดไม่ถึง (ที่ต้องใช้ถุงพลาสติกหุ้มปลายพู่กันเนื่องจากนิ้วมือของเรามีเหงื่อ อาจทำให้ปิดทองไม่ติดได้) ตรวจดูความเรียบร้อย ปัดผงทองออกด้วยแปรงขนอ่อน
ปิดทองกวดทอง และยีทองให้ทั่ว
ขั้นตอนที่ ๕ การประดับกระจก
- ตัด และประดับกระจก สีตามแบบ โดยยึดรูปแบบจากบุษบกและฐานพระประธานองค์ยืน ในพระอุโบสถบวรสถานสุทธาวาส (วังหน้า)
- ผสมกาวอีพ็อกซี่ A , B ในอัตราส่วน ๕๐ : ๕๐ ลงบนเกรียงโป๊ว ใส่ฝุ่นสีดำ (เพื่อเป็นการเรียนแบบการใช้ยางรัก) แล้วใช้เกรียงสีน้ำมันช่วยผสมกาวอีพ็อกซี่ให้เข้ากัน ผสมให้พอกับการใช้ในแต่ละครั้งเท่านั้น เสร็จแล้วใช้ไม้ปลายแหลมช่วยทากาวอีพ็อกซี่ลงในช่องที่จะทำการประดับกระจก เพราะช่องที่จะทำการประดับกระจกมีขนาดเล็ก และแคบ
- ใช้ไม้ที่พันขี้ผึ้งแตะกระจก นำไปประดับลงบนกาวอีพ็อกซี่ที่ทารอเตรียมไว้ ตรวจความเรียบร้อย
ขั้นตอนที่ ๖ การทาชาด
ส่วนผสม
๑. รักน้ำเกลี้ยง ที่กรองด้วยผ้าซิลค์สกรีนเบอร์ ๗๐ แล้ว
๒. น้ำมันยาง ที่ทำการเคี่ยวแล้ว
๓. ผงครั่ง ที่ทำการตำละเอียด และกรองด้วยผ้าซิลค์สกรีนเบอร์ ๗๐ แล้ว
๔. ผงชาด
- นำรักน้ำเกลี้ยง น้ำมันยาง และผงครั่ง เทลงในภาชนะ (ถ้วย) แล้วกวนหรือคนด้วยพู่กัน พอทั้ง ๓ อย่างเข้ากันดีแล้วจึงเติมผงชาด คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นนำไปเทลงบนกระจก ใช้เกรียงรีดจนไม่มีเม็ด เนื้อเนียนละเอียดเข้ากัน
- ใช้เครื่องเป่าลมและแปรงปัดฝุ่น แล้วจึงนำชาดไปทาที่โต๊ะ รวมถึงความหนาของลวดลายส่วนที่ไม่ได้ปิดทอง เมื่อทาเสร็จแล้วนำเข้าตู้บ่มที่ได้ฉีดน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้แห้งสนิท
- ตรวจความเรียบร้อย
ผสมชาดผสมชาดทาชาดฉีดน้ำที่ตู้บ่ม
หมายเหตุตู้บ่มที่ใช้ในงานนี้ มีลักษณะเป็นตู้ที่ขึ้นโครงด้วยไม้ ขึงผ้าให้รอบ เป็นตู้ที่มีลักษณะทึบ มีที่เปิดปิด เวลาใช้ต้องฉีดน้ำให้เปียกชุ่มชื้นทั้งตู้ การที่ต้องใช้ตู้บ่มนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปติดที่ชิ้นงาน รวมทั้งยังเป็นการปรับ ควบคุมอุณหภูมิให้มีความร้อนชื้น ซึ่งรักจะแห้งเร็วขึ้นในอากาศร้อนชื้น
นำโต๊ะเข้าตู้บ่ม
ปิดตู้บ่ม
เสร็จสมบูรณ์