คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies) |
เปิดใช้งานตลอด |
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies) |
|
พระที่นั่งราเชนทรยาน เป็นพระราชยานที่ใช้สําหรับเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระมหากษัตริย์ จากพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวงเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ในริ้วขบวนที่ ๔ และ ๕ มีการใช้ในงานพระราชพิธีหลายครั้ง ในการบูรณปฏิสังขรณ์ที่ผ่านมาหลายครั้ง มีการทารักปิดทอง ทาสีปิดทอง และประดับกระจกในร่องลวดลาย จนกระจกที่ประดับไว้ล้นขึ้นมาจากร่องลวดลาย ส่วนลวดลายที่ปิดทองทับซ้อนกันหลายชั้นก็ดูเลือนไม่ชัดเจน ปิดบังลวดลายไม้แกะสลักที่สวยงามของครูช่างโบราณ อีกทั้งไม้โครงสร้างบางส่วนก็ผุกร่อนตามกาลเวลา ภายหลังจากการสํารวจเพื่อทําการบูรณปฏิสังขรณ์เพื่อเตรียมใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สํานักช่างสิบหมู่ พิจารณาเห็นสมควรให้บูรณะปฏิสังขรณ์ด้านโครงสร้างให้แข็งแรงมั่นคงยิ่งขึ้น ทําการปิดทองใหม่ทั้งหมด และจัดสร้างชุดเฟื่องระย้าชุดใหม่เพื่อประดับตกแต่งให้งดงามสมพระเกียรติ
การบูรณปฏิสังขรณ์พระที่นั่งราเชนทรยานในส่วนความรับผิดชอบของสํานักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร มีรายละเอียด ดังนี้
- ซ่อมปรับโครงสร้างพื้นไม้ และลวดลายที่ชํารุด
- ซ่อมปิดทองใหม่ ๑๐๐%
- ซ่อมประดับกระจกโดยรวม ๗๐%
- จัดทําพระวิสูตรตาดทองแท้(เงินกะไหล่ทอง) จํานวน ๔ ผืน
- จัดสร้างชุดเฟื่องระย่าโลหะเงิน และประดับกระจก
ซึ่งแบ่งการดําเนินงานออกเป็นขั้นตอน ดังนี้
๑. เชิญพระที่นั่งราเชนทรยานมาบูรณปฏิสังขรณ์
๒. ถอดส่วนประกอบพระที่นั่งราเชนทรยานเพื่อซ่อมปรับโครงสร้างและลวดลายที่ชํารุด
๓. ดําเนินการคัดลอกแบบและเขียนแบบ
๔. ดําเนินการกะเทาะกระจกและขัดลอกผิวทองเดิมออก
๕. ดําเนินการปิดทองและประดับกระจกใหม่
๖. การประกอบพระที่นั่งราเชนทรยาน
๗. การจัดทําเครื่องประกอบ
ขนาด กว้าง ๑.๐๓ เมตร ยาว ๕.๔๘ เมตร (พร้อมคานหาม) สูง ๔.๒๓ เมตร จํานวนพล พลแบกหาม ๕๖ นายผู้ควบคุม ๑ นาย พระที่นั่งราเชนทรยาน มีลักษณะเป็นทรงบุษบก ทําด้วยไม้แกะสลักปิดทอง ประดับกระจกสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ใช้สําหรับพระมหากษัตริย์ทรงในเวลาเสด็จพระราชดําเนินโดยกระบวนแห่อย่างใหญ่ ที่เรียกว่า กระบวนพยุหยาตราสี่สาย อาทิ เสด็จพระราชดําเนินจากพระราชมณเฑียร ไปถวายสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในงาน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นต้น เนื่องจากพระราชยานองค์นี้ มีขนาดใหญ่และ นํ้าหนักมาก จึงไม่นิยมใช้สําหรับเสด็จพระราชดําเนินทางไกลไปนอกพระบรมมหาราชวัง นอกจากนี้ยัง ใช้ในการอัญเชิญ พระบรมโกศพระบรมอัฐิพระมหากษัตริย์ หรือ พระโกศพระอัฐิพระบรมวงศ์จากพระเมรุท้องสนามหลวงเข้าสู้พระบรมมหาราชวัง
๑. การขัดแต่งในส่วนของลวดลายประกอบ เช่น ครุฑ บันแถลง กาบกระจังต่างๆ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะส่วนประกอบต่างๆ เป็นไม้และมีอายุหลายร้อยปีอาจเกิดความชำรุดเสียหายได้
๒. ระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติงานให้ทันกับการใช้งานในพระราชพิธี ต้องให้สมบูรณ์ สมพระเกียรติมากที่สุด
๓. ต้องใช้ช่างหรือบุคคลที่มีความเข้าใจในการปฏิบัติงาน ให้เป็นไปในทางเดียวกัน งานจึงจะสำเร็จสมบูรณ์ ตามวัตถุประสงค์
๔. วัสดุบางส่วนที่ชำรุด เสียหายไปต้องหา วัสดุทดแทนให้ได้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด เช่น กระจกเกรียบ
๕. ต้องระวังเรื่องการแพ้จากวัสดุที่นำมาปฏิบัติงาน เช่น ยางรัก ยางรักจีน
๑. ในการขัดแต่งต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ คือ ตัวขัดที่เล็กและละเอียด เช่น เครื่องขัดพื้นต้องระมัดระวังอย่างมาก อาจเกิดความเสียหายได้
๒. ในการปฏิบัติงานขัดแต่งช่างควรรู้วิธีใช้เครื่องมือ แต่ละชิ้นเป็นอย่างดี เพื่อให้งานสำเร็จและเกิดความเสียหายน้อยที่สุด
๓. ใช้กระจกฟิล์มนิรภัย โทรศัพท์มือถือ มาทดแทนกระจกเกรียบที่หลุดหายไปบางส่วน
๔. ระวังอาการแพ้ยางรักโดยใช้ถุงมือทางการแพทย์ และ ผ้าปิดจมูกในขณะปฏิบัติงาน
ขั้นตอนการล้างลอกสี
เนื่องจากพระที่นั่งราเชนทรยานมีการบูรณปฏิสังขรณ์ที่ผ่านมาหลายครั้ง ทั้งการทายางรักปิดทอง ทาสีปิดทอง ส่วนลวดลายที่ปิดทองทับซ้อนกันหลายชั้นจนทำให้ลวดลายเลือนไม่ชัดเจน ปิดบังลวดลายไม้แกะสลักที่สวยงามของครูช่างโบราณเช่น ครุฑ บันแถลง กาบพรหมศรและกระจังต่าง ๆ และประดับกระจกในร่องลวดลาย จนกระจกที่ประดับไว้ล้นขึ้นมาจากร่องลวดลาย ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะส่วนประกอบสร้างด้วยไม้สักและมีอายุหลายร้อยปีอาจเกิดความชำรุดเสียหายได้ จึงต้องใช้เครื่องมือกอฟันในการขัดล้างทำความสะอาดพื้นสีปิดทองเก่าออก โดยมีหัวเจียรที่มีขนาดเล็กจึงสามารถเข้าถึงส่วนร่องลายได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากเนื้อไม้สักของพระที่นั่งองค์นี้มีอายุหลายร้อยปี จึงมีการหักหรือเสื่อมสภาพตามการเวลา ต้องทำการแกะสลักเสริมในส่วนที่เสียหายไปให้สมบูรณ์สวยงามก่อนการลงรักปิดทองใหม่ โดยกลุ่มงานช่างแกะสลักและช่างไม้ประณีต และเมื่อแกะสลักซ่อมเสริมลวดลายเรียบร้อยและจึงส่งให้กลุ่มงานช่างปิดทองประดับกระจกและช่างสนะไทยดำเนินการต่อไป
ลักษณะของงานลงรักปิดทอง
งานลงรักปิดทอง คือ การทายางรักบนพื้นผิวของศิลปวัตถุหลายครั้งให้ได้พื้นผิวที่อิ่มตัว (โดยมิให้ยางรักทับหนาจนกลับไปเป็นสภาพเดิมก่อนซ่อม) แล้วปิดทับด้วยทองคำเปลว ๑๐๐% จนทั่วทั้งพื้นผิวทำให้ได้พื้นผิวทองสุกปลั่ง คล้ายทำด้วยทองคำจริง ๆ
วัสดุที่ใช้ในการปิดทอง
ยางรัก คือ ยางจากไม้ยืนต้น ตระกูล Anacardiaceae มักพบในป่าดิบเขาและป่าเบญจพรรณ ชาวล้านนาเรียกว่า “ฮัก” หรือ “ฮักหลวง” มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Melanorrhoea usitata Wall ยางมีพิษที่รุนแรง ทำให้เกิดผื่นคัน มีอาการบวมเป็นแผลหนองมากน้อยตามที่ได้รับจากการสัมผัส
รักสมุก คือ การนำเอายางรักมาผสมกับผงถ่าน (ที่นิยมใช้จะเป็นผงถ่านกะลา ผงถ่านใบตอง ผงถ่านหญ้าคา ผงถ่านดินหรือผงชัน เป็นต้น ) ผสมเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียวจนเหนียวเหมาะแก่การโป๊ขัดแต่ง
เทือกรัก คือ การนำเอายางรักมาผสมกับผงถ่าน (รักสมุก) ผสมเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียวกันแต่มีความเหลวเหมาะแก่การทาเพื่อให้มีเนื้อยางรัก
ขั้นตอนการลงรักปิดทอง
- นำแอลกอฮอล์ มาขัดล้างทำความสะอาดในส่วนที่เป็นลวดลายและผิวเรียบส่วนประกอบต่าง ๆ ของพระที่นั่งราเชนทรยานทิ้งให้แห้งสนิท
- นำทองคำเปลว ๑๐๐% มาปูบนส่วนที่เป็นพื้นเรียบโดยปูจากด้านล่างขึ้นด้านบนปูทองคำเปลวไปในทางเดียวกัน ใช้นิ้วหรือพู่กันหุ้มถุงพลาสติกอ่อนมากวดบริเวณที่เป็นรอยต่อแต่ละแผ่นโดยกวดทองให้แผ่นบนทับแผ่นล่าง เวลากวดทองต้องมีทองติดที่นิ้วหรือพู่กันที่จะนำไปกวดจะทำให้ทองเวลากวดไม่ด่างผิวเรียบเสมอกัน ในส่วนที่เป็นลวดลายใช้พู่กันแตะทองไปกระทุ้งในส่วนที่เป็นลวดลายที่กวดทองเข้าไม่ถึงให้เรียบร้อย
งานประดับกระจก พระที่นั่งราเชนทรยาน
อุปกรณ์ในการประดับกระจก
- กระจกโค้งสีต่าง ๆ ขาว น้ำเงิน เขียว เหลือง แดง
- อุปกรณ์ตัดกระจก เพชรใหญ่ เพชรเขี้ยวงู
- กระดาษกราฟ
- ไม้โปรแทรกเตอร์
- ปากกาหรือดินสอ
- ไม้ติดปลายด้วยน้ำขี้ผึ้ง
- แผ่นรองตัด
- คีมปากแหลม หรือ กรรไกรทำพิเศษเพื่อใช้เล็มกระจก
อุปกรณ์ในการผสมสมุกเพื่อประดับกระจก
- ยางรัก
- สมุกกะลา
- ชัน
- น้ำสะอาด
- น้ำมันพืช
- ภาชนะในการผสมสมุก เช่น จานมีลักษณะแบนเรียบมีขนาดใหญ่ หรือ แผ่นกระจกหนา
- เกียง ขนาด ๒ นิ้ว และ ๕ นิ้ว
- เกียงขนาดเล็ก
- ถุงมือยาง
ขั้นตอนการประดับกระจก
- เตรียมแบบกระจก การประดับกระจกพระราเชนทรยาน โดยประดับตามรูปแบบและขนาดเดิม ทำการตัดกระจกในส่วนที่คัดลอกแบบเตรียมไว้เพื่อนำไปใช้ในขั้นตอนต่อไป
- การผสมสมุกเพื่อประดับกระจก
การผสมรักสมุกสำหรับประดับกระจกควรกะปริมาณให้ใช้พอดีกับการทำงานในแต่ละครั้งตามพื้นที่ประดับลายกระจก ถ้าผสมสมุกเผื่อมากไปสมุกอาจแห้งจนไม่สามารถนำมาใช้ได้เกิดการสิ้นเปลืองทรัพยากร เฉพาะนั้นการผสมแต่ละครั้งควรใช้ให้หมดภายใน ๑ - ๓ วัน การเริ่มทำงานทุกครั้งควรใส่ถุงมือยางเพื่อป้องกันการสัมผัสยางรักโดยตรง เพราะยางรักอาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
นำสมุกกะลาใส่ลงในภาชนะผสมที่เตรียมไว้ ตามด้วยชันในปริมาณน้อยกว่า สมุกกะลาเล็กน้อย นำน้ำสะอาดใส่ลงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงกวนผสมให้เข้ากัน
เมื่อส่วนผสมในขั้นตอนแรกเข้ากันดีแล้ว จึงตักยางรักใส่ลงไปประมาณ ๑ – ๒ ส่วน ของส่วนผสมในขั้นตอนแรก จากนั้นจึงนำเกียงขนาด ๒ นิ้วทำการนวดผสมให้เนื้อสมุกให้เข้ากับเนื้อยางรักถ้ารู้สึกว่าเนื้อสมุกที่ผสมเหลวเกินไปให้ผสมสมุกกะลาลงไปเพิ่มจนกว่าจะได้เนื้อที่พอดี
เมื่อผสมสมุกได้เนื้อที่ต้องการแล้ว ให้ตักใส่เกียงขนาด ๕ นิ้ว เพื่อนำไปใช้ต่อในขั้นตอนถัดไป จากนั้นล้างทำความสะอาด อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ผสมสมุกด้วยน้ำมันพืช เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานในครั้งต่อไป
การประดับกระจกพระที่นั่งราเชน แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน
๑. การประดับกระจกส่วนตัวเรือน
๒. การประดับกระจกส่วนเครื่องยอดบุษบก
๓. การประดับกระจกเสาไม้ย่อมุม
ในแต่ละส่วนมีลวดลายและรายละเอียดส่วนประกอบที่แตกต่างกัน การตัดกระจกในแต่ละส่วนจึงต้องใช้ความประณีตเพื่อให้ขนาดของกระจกพอดีกับร่องลาย ช่างประดับกระจกจึงต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญในการตัดกระจก เพราะกระจกบางลายต้องตัดให้พอดีกับพื้นที่ ไม่สามารถตัดเตรียมไว้ก่อนได้
๑. การประดับกระจกลวดลายส่วนตัวเรือน
ส่วนลวดลายก้านขดฉลุโปร่ง ผนังของส่วนท้องไม้ฐานเชิงบาตรประดับครุฑยุดนาค ประดับด้วยกระจกสีเขียว ตัดเป็นรูปหยดน้ำ และรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบริเวณเส้นกรอบท้องไม้แต่ละด้าน
กระจังรวนบน และกระจังตาอ้อยตั้งด้านล่างของฐานเชิงบาตร ประดับด้วยกระจกสีขาว ตัดเป็นรูปหยดน้ำ ประดับบริเวณไส้ลาย
ครุฑยุดนาค ประดับกระจกสีเขียว และ สีขาว
กระจังปฏิญาณ ประดับด้วยกระจกสีเขียว และ สีขาว
กระจังมุม ประดับด้วยกระจกสีเขียว และ สีขาว
ส่วนหัวเม็ดคานหาม ประดับกระจกสีขาวและสีเขียว
๒. การประดับกระจกส่วนเครื่องยอดบุษบก
ส่วนเครื่องยอดบุษบก ประกอบด้วยชั้นหลังคา ชั้นที่ ๑ - ๔ ชั้นเชิงกลอน องค์ระฆัง บัลลังก์ เหม และลูกแก้ว
ชั้นหลังคา ชั้นที่ ๑ – ๔ และองค์ระฆัง
ประดับลวดลายเกล็ดเต่า ด้วยกระจกสีขาวและกระจกสีเขียว โดยเริ่มจากการประดับเส้นขอบ เพื่อความเรียบร้อยและสวยงาม จากนั้นจึงเริ่มประดับลวดลายเกล็ดเต่าจากตรงกลางออกไป เพื่อความเรียบร้อยเช่นเดียวกัน
บันแถลง ประดับจกสีน้ำเงิน
บัลลังก์
ประดับกระจกเหมือนกับการประดับชั้นเชิงกลอน คือ ใช้กระจกสีขาว ตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสประดับในส่วนหน้ากระดานและใช้กระจกสีเขียวโค้งตัดเป็นเส้น ประดับส่วนที่เป็นเส้นลวด
เหม
ประดับกระจกเหมือนกับการประดับชั้นเชิงกลอน คือ ใช้กระจกสีขาว ตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสประดับในส่วนหน้ากระดาน
ลูกแก้ว
ประดับแววด้วยกระจกสีขาว
๓.การประดับกระจกเสาย่อมุมไม้สิบสอง
เสาย่อมุมไม้สิบสองพระที่นั่งราเชนทรยาน
ประดับกระจกตามแบบลวดลายกระจกเดิม และประดับจกเสริมในส่วนที่หลุดหาย หรือแตกหัก เหตุที่ไม่กะเทาะกระจกออกจนหมด เนื่องจากลวดลายกระจกยังคงความสมบูรณ์เป็นส่วนมากจึงต้องการเก็บรักษาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป และ ด้วยระยะเวลาในการดำเนินงานมีเวลาน้อยจึงไม่สามารถที่จะประดับใหม่ได้ทั้งหมดเสาย่อมุมไม้สิบสองพระที่นั่งราเชนทรยาน ประดับด้วยกระจก สีแดง สีน้ำเงิน และ สีขาว