ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว

คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)

เปิดใช้งานตลอด
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการ ใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการใน สาระสำคัญของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วย ให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

image header.
ระบบศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
image header.

  • หน้าแรก
  • ผลงาน
  • การบูรณะซ่อมแซม ปิดทองใหม่ เสาหลักเมือง ในรัชกาลที่ ๔

การบูรณะซ่อมแซม ปิดทองใหม่ เสาหลักเมือง ในรัชกาลที่ ๔


photo-การบูรณะซ่อมแซม ปิดทองใหม่ เสาหลักเมือง ในรัชกาลที่ ๔
-

การบูรณะซ่อมแซม ปิดทองใหม่ เสาหลักเมือง ในรัชกาลที่ ๔

-

การลงรักปิดทอง

ประณีตศิลป์

         หลักเมืองกรุงเทพมหานคร ได้สถิตสถาพรมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติในปีพุทะศักราช ๒๓๙๘ ทรง พระราชดำริว่าเสาหลักเมืองต้นที่สร้างไว้แต่ครั้งรัชกาลที่ 1 นั้นได้ชำรุดไปตามกาลเวลาทั้งตัวศาลก็ไม่สง่างามเท่าที่ควร

          ประกอบกลับทรงเชี่ยวชาญในโหราศาสตร์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ผูกดวงชะตาพระนครขึ้นใหม่ให้ต้องตามดวงพระราชสมภพ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทั้งหลายที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารประสบความเจริญรุ่งเรืองให้วัฒนาถาวรยิ่งขึ้น

          การสร้างเสาหลักเมืองต้นใหม่ ได้เริ่มในปีพุทธศักราช ๒๓๙๕ ลักษณะเป็นเสาไม้สักเป็นแกนอยู่ภายใน ประกบด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ๖ แผ่นกว้างแผ่นละ ๘ นิ้วยอดเม็ดส่งมัณฑ์ เมื่อสอบวัดดูในปัจจุบัน ตัวเสาสูง ๕.๐๓๕ เมตรหรือ ๒๐๑.๕นิ้ว เส้นผ่า ศูนย์กลางวัดที่โคนเสา ๔๗ เซนติเมตร หรือ ๑๘.๘ นิ้วรำเสาอวบกว่าเสาหลักเมืองต้นเดิม

          พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ ประกอบพระราชพิธีจารึกดวงชะตาพระนครลงในแผ่นทองคำปรากกฎความตามพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ ๔ ฉบับ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์หรือขำบุนนาค ว่า “ หลักเมืองชำรุดทำขึ้นใหม่แล้วจะ ได้บันจุดวงพระชาตาเสียใหม่ ณ วันอาทิตย์เดือน ๑ แรม ๙ ค่ำ พระฤกษ์จะได้บรรจุดวงชาตาพระนครลงด้วยแผ่นทองคำหนัก ๑ บาท แผ่กว้าง ๕ นิ้วจารึกในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามกรมสมเด็จพระปรมานุชิต กรมหมื่น บวรรังสี กับพระสงฆ์ราชาคณะอีก ๓ รูป รวม ๕ รูปเมื่อเวลาจารึกได้เจริญพระปริตร ”

นอกจากนี้ยังมีเอกสาร 2 ฉบับซึ่งกล่าวถึงวันที่จารึกดวงชะตากรุงเทพมหานครคือ

๑.      สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระบรมานุธิตชิโนรส

๒.      สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวุเรศวริยาลงกรณ์ ( กรมหมื่นบวรรังสีสุริยพันธ์ )

            จดหมายพระราชพิธีบรรจุชาตาพระนคร รัชกาลที่ ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ ในภาคผนวกที่ 2 เอกสารฉบับที่ 5 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า  "กำหนด ณ วันที่ 5  4 ค่ำปีชวดจัตวาศก เพลาเช้า  6  บาทจะได้ลงควงพระนครในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม"
       ประกาศการพระราชาพิธีเล่ม 2 ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิ์ประวัติ กรมพระสมมตอมรพันธ์ ฉบับพิมพ์พุทธศักราช 2508 เรื่องจดหมายพะราชพิธีบรรจุชาตาพระนครในรัชกาลที่ 4 ซึ่งขาด  จากเอกสารจดหมายฉบับพระราชพิธีบรรจุชาตาพระนครราชการที่หนึ่งไปพิมพ์กล่าวว่า   "กำหนด ณ วันที่ 4  4 ค่ำปีขวด จัดวาศก เพลาเช้า 6 บาท จะไคลควงพระนครในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม" 
             อย่างไรก็ตามวัน 5   4 ค่ำและวัน  4   4  ค่ำ ปีชวด จัตวาศก คณะอนุกรรมการจัดทำจดหมายเหตุ ได้ตรวจสอบกับปฏิทินของกรมตำรากระทรวงศึกษาธิการฉบับพิมพ์พุทธศักราช  2468 และปฏิทิน เทียบสุริยคติและจันทรคติฉบับอื่นๆแล้วไม่มีวันดังกล่าวจึงเทียบวันทางสุริยคติไม่ได้ รายละเอียดของพระราชพิธีจารึกควงชาตาพระนครลงในแผ่นทองคำปรากฏในเอกสารจดหมายพระราชพิธีบรรจุชาตาพระนครดังนี้ "ข้าพระพุทธเจ้าพระยาโหราธิบดี ขุนโชตพรมมา ขุนเทพากร พร้อมกันขอพระราชทานคำนวณ พระฤกษ์ลงด้วยชะตาพระนครและพระราชพิธีบรรจุหลักทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย กำหนด ณ  วัน 5  4ค่ำชวด จัตวาศกเพลาเช้า 6 บาท จะได้ลงดวงพระนครในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน  ศาสดาราม พระสงฆ์ 5 รูปกรมสมเด็จพระปรมานุชิต กรมหมื่นบวรรังษีเป็นประธาน ให้มี บายศรีตอง 5 ชั้นสำรับ 1เทียนทอง 5 ธูปเงิน เครื่องกระยาบวช แป้งหอม น้ำมันหอม มีเครื่องนมัสการสำรับ 1 ให้ประโคมปี่พาทย์ กลองแขก ฆ้องชัย แตรสั่ง แล้วเจิมแป้ง ประมาณแผ่นทองหนัก 1 ตำลึงแผ่ 12 นิ้ว สี่เหลี่ยม  มิให้มีแผลสนิทดี ลงสำเร็จแล้ว "

     อนึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ บันทึกว่าดวงชะตาพระนครนั้นจารึกลงในแผ่นทองคำหนัก 1 บาท ส่วนจดหมายเหตุของ  พระยาโหราธิบดีในเอกสารจดหมายพระราชพิธีบรรจุชะตา พระนครราชการที่ 1 และที่คัดไป พิมพ์ในประกาศการพระราชพิธีเล่ม 2 นั้น บันทึกว่าจารึกลงในแผ่นทองคำหนัก 1 ตำลึงคณะอนุกรมการจัดทำจดหมายเหตุ ยังสอบไม่พบหลักฐานอื่นอีกนอกจากเอกสาร 2 ฉบับนี้ สำหรับศาลที่ประดิษฐานหลักเมืองตลอดจนศาลพระกาฬไชยศรี ศาลพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง และศาลท้าวเจตคุปต์ปรากฏความตามพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ว่าพระบาทสมเด็จพระ พระปรเมนทรมาหามงกุฎพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้ทรงพระกรุณาโปรดกล้ำ ให้ปรับปรุงใหม่ในคราวเดียวกันด้วยเป็นอาคารจัตุรมุขยอดปรางค์ ก่ออิฐปั้นปูนฉาบสีขาวตามแบบอย่างศาลพระกาฬที่พระนครศรีอยุธยา

    อนึ่งรายละเอียดลักษณะของศาลหลักเมืองที่ปรากฏในภาพถ่ายคราวงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์  พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบ สถาปัตยกรรมไทยจัตุรมุขยอดปรางค์ หลังคาปูนสีขาว หน้าจั่ว ปั้นลม ประดับช่อฟ้าหางหงส์ปูนสีขาวเฉพาะหลังคามุขทิตใต้ ซึ่งเป็นคนหน้า ของศาล หลังกาซ้อน 2 ชั้น หลังคาชั้นบนเหมือนกับหลังคามุขทิศทั้งสาม ส่วนหลังคามุขซ้อนมุงกระเบื้องสีขาว หน้าจั่วประดับช่อฟ้า รวยระกา  หางหงส์  สันหลังคา หลบสันหลังคา และข้างกระเบื้องฉาบปูนสีขาว เครื่องยอดหลังคาย่อมุมไม้ยี่สิบ ทำเป็นชั้นเชิงกลอนเตรียงลดหลั่นกัน  7  ชั้น แต่ละชั้นประดับบันแถลง กระจังหน้าสีขาว ชั้นรัดประคด มีลักษณะเป็นฝักข้าวโพด ส่วนยอดสุดปักนภศูล ตัวอาคารก่ออิฐฉาบปูนสีขาวมุขทิศคนเหนือ ด้านตะวันออก และด้านตะวันตกเป็นมุขสั้นติดกับตัวอาคารมีหน้าต่างที่ผนังมุขด้านตะวันออกและด้านตะวันตกด้านละ 1 ช่อง ส่วนมุขทิศ ด้านใต้ต่อเป็นมุขยาวยื่นออกไปเป็นประตูทางเข้าออกของศาล ผนังสองข้างมุข ทิศด้านไต้นี้มีหน้าต่างข้างละ 1 ช่องครั้นสร้างศาลหลักเมืองเสร็จเรียบร้อย ณ วันอาทิตย์ที่  1  พฤษภาคมพุทธศักราช 2396 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้เชิญแผ่นทองคำจารึกดวงชะตากรุงเทพมหานคร เข้าบรรจุที่ยอดเสาหลักเมืองและประกอบพิธี บวงสรวงเชิญพระหลักเมืองเข้าประดิษฐานในรูปเทวดาบนยอดหลักเมืองต้นใหม่จากนั้นจึงมี งานฉลองสมโภชเป็นการใหญ่ส่วน หลักเมืองต้นเดิมนั้นโปรดให้เชิญขึ้นจากหลุมตั้งทิ้งไว้โดย  ศาลใกล้กับศาลหลักเมืองต้นใหม่ได้เชิญไปไว้ที่อื่น รายละเอียดพระราชพิธีบรรจุดวงชะตาพระนครในยอดเสาหลักเมืองปรากฏในเอกสารในหอสมุดแห่งชาติหลายฉบับประมวลได้ดังนี้

            ก่อนวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคมพุทธศักราช 2396 อันเป็นกำหนดฤกษ์ 3 วันเริ่มตั้งแต่ วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2396 หรือวันแรม 6 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู เบญจศกรัตนโกสินทร์ศก 72 จุลศักราช 1215 เจ้าพนักงานเตรียมการพระราชพิธีศาลหลวงคือที่ตั้งที่ทำการศาลสถิตยุติธรรมในปังจุบัน ตั้งโรง พระราชพิธี และโรงพิธีพราหมณ์ ตั้งศาล 5 ศาล คือศาลท้าวจตุโลกบาล ทั้ง 4 ทิศมีศาลพระอินทร์อยู่ท่ามกลาง ปักราชวัติฉัตรธงต้นกล้วยต้นอ้อยรอบโรงพระราชพิธี โรงพิธีพราหมณ์และศาลหลักเมืองเป็นปริมณฑล  ที่ในโรงพระราชพิธี เชิญ พระไชยพระธรรมมาตั้ง พร้อมเครื่องนมัสการ 1 สำหรับ เทียนชัยฟั่นด้วยขี้ผึ้งหนัก 5 บาทตั้งบาทน้ำ 3 บาท บาตรทราย 1 บาท วงสายสิญจน์รอบที่ศาลเทวดาทั้ง 5 ศาล ตั้งบายศรีตอง 2 สำหรับ ธูปเทียนเงินทอง 2 คู่ พร้อมเครื่องกระยาบวช ตลอดทั้ง 3 วัน ครั้น ณ วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน ถึง วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พุทธศักราช 2396 เจ้าพนักงาน  นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะ 15 รูป พระคู่สวด 20 รูป รวม 35 รูป สวดพระปริตร ทั้ง 3 วัน สำหรับ พระคู่สวดนั้นแบ่งเป็น 4 ชุด ชุดละ 5 รูปสวดจตุภาณวาร 3 รูปสวดนครฐานปริตร 2 รูปและใน เวลาเย็น โหรบูชาเทวดาที่ศาลทั้ง 5 ศาลตลอดทั้ง 3 วันเช้าพนักงานประโคมปี่พาทย์ กลองแบกฆ้องชัย แตร สังข์ ตามกำหนด ครั้นวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคมพุทธศักราช 2396 ตรงกับวันแรม 9 ต่ำเดือน 6 ปีฉลู เบญจศก รัตนโกสินทร์ศก 72 จุลศักราช 1215 ที่ศาลหลวงชาวพนักงานสนมพลเรือนตั้งแต่ที่ประทับจัด พานแก้วโถมณฑป พร้อมหมากเสวยไว้พร้อมที่ ศาลเทวดาทั้ง 5 ศาลตั้งบายศรีหัวหมูพร้อม ธูปเทียนและเครื่องสังเวยสำหรับผลไม้บูชาเทวดาที่ศาลหลักเมืองชาวพระคลังสุภารัตน์และชาวพระคลังมหาสมบัติจัดอาสนะสงฆ์ กระโถน ขันน้ำไปตั้งแต่ง สังฆการีรับ เภสัช 4 พานจากชาววิเสท ไปตั้งถวายพระสงฆ์ชาวพนักงานตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน 3 สำรับ เทียนทอง 3 เล่ม เทียนเงิน 3 เล่มสำหรับผลไม้บูชาฤกษ์ ชาวพนักงานประโคมเตรียมประโคมปี่พาทย์ กลองแขก ฆ้องชัย แตรสังข์ ตามกำหนด

      อนึ่งสำหรับเวลาฤกษ์บรรจุแผ่นทองคำจารึกดวงชะตากรุงเทพมหานครในยอดหลักเมืองและติด เทวรูปพรหลักเมือง มีเอกสารโบราณหลายฉบับบันทึกไว้ต่างกันดังนี้จดหมายพระราชพิธีบรรจุชะตาพระนครราชการที่ 1 ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ในภาคผนวกที่ 2  เอกสารฉบับที่ 5 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า"ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันที่ 1  6  ค่ำ เพลาเช้า 2 โมง 8 บาท เป็นวันพระฤกษ์"

ประกาศเทวดาจุลศักราช 1215 พุทธศักราช 2396 ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ในภาคผนวกที่ 2 เอกสารฉบับที่ 6 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า "พระเลิกเดิมเพลา 7 ทุ่ม 3 บาทเลื่อนมาเป็นเวลาเช้า 3  โมงได้บรรจุพระสุพรรณบัตร"

หมายรับสั่งรัชกาลที่ 4 ปีฉลู เบญศกจุลศักราช 1215 พุทธศักราช 2396 ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ใน ภาคผนวกที่ 2 เอกสารฉบับที่  7 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า   "พระฤกษ์ซึ่งจะได้บรรจุหลักพระนครณ วันแรม 9 ค่ำ เดือน 6 เพลาย่ำรุ่งแล้ว 2 โมงกับ 8 บาท"

         ครั้นเวลาฤกษ์โหนบูชาฤกษ์แล้วพระยาโหราธิบดีเชิญดวงชะตาพระนครเข้าบรรจุในยอดหลัก   เมืองแล้วติดรูปเทวดาพระหลักเมือง พี่ใต้เม็ดยอดเสาหลักเมืองขณะนั้นชาวพนักงานประโคมปี่พาทย์ กลองแขก ฆ้องชัย แตรสังข์ ทหารยิงปืนใหญ่ พระมหาฤกษ์ พระมหาชัยมหาจักร มหาปราบ ทั้ง 4 ทิศพระสงฆ์สวดชยันโต พระยาโหราธิบดีประน้ำโปรยทราย ผูกผ้าสีชมพูที่หลักเมืองแล้วเวียนเทียน เจิมแป้งหอมน้ำมันหอม ห้อยพวงดอกไม้ต่อมาเวลา 7 ทุ่ม 3 บาทพระยาโหราธิบดีอ่านประกาศเชิญเทวดาเข้าประดิษฐานในเทวโลกบนยอดหลักเมืองมีความดังนี้  "ถ้าแต่ท้าวเทวานุราช สุรารักษ์อันควรจะเสด็จสถิตย์อธิวาศนานุรักษ์ บนยอดหลักสำหรับพระมหานครข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญเทพยมหิทธิมเหศรผู้ทรงสิทธิศักดิ์จงเข้าสิงสู่สำนักในเทวรูปซึ่งประดิษฐาน บนยอดบรมมหานครโตรัน อันบรรจุใส่สุพรรณบัฏจารึกดวงพระชันษากรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรอยุธยา บรมราชธานีนี้จงช่วยคุ้มครองป้องกันสรรไพรีราชดัสก  อย่าให้บีฑาถึงพระมหานครราชธานีแลบุรีรอบขอบเขตขัณฑสีมามณฑล ทั่วสกลราชอาณาประวัติ แล้วจงอภิบาลรักษาสมเด็จพระบรมกษัตริย์อันเสด็จเถลิงถวัลยราช  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหากุฎสมมุติเทพยพงย์ทั้งเอกองค์อรรควรราชอนุชา และพระบรมขัตติขวงศาเสวกามาตย์ราชอันเตบุเรบริจาริก อีกทั้งสมณพราหมณ์ประชาราษฎร ทั่วนิกรสัตว์จัตบททวิบาทในพระราชอาณาจักรให้ปราศจากสรรปรปักษ์ปัจจามิตรภัยพาลจงเกษมสุขสำราญนิรันตรายบำราศ ทุกสิ่งสภาโรคาพยาธิอุปัทวันตรธาน อย่าให้มีโรคภัยพิบัติอุปัทวบีฑาคณานอกรราชบรรพสัชสิ้นทั้งปวง ให้พระมหานครหลวงแลเมืองขึ้นออกทุกเขตรขันทปรจันตชนบทสีมา ดุจคำประกาศอันข้าพระพุทธเจ้ากล่าวอาราธนากถาดั่งนี้เทอญ"  หลังจากนั้นพระยาโหราธิบดีสวมเม็ดส่งมัณฑ์ที่ยอดหลักแล้วตรึงเหล็ก เป็นเสร็จการ   อนึ่งในวันเดียวกันนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้เททองหล่อพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล  สำหรับเชิญนำกระบวนเสด็จออกนอกพระนครอย่างที่สมเด็จพระบูรพามหากษัตริย์ทรงปฏิบัติกันสืบมา พิธีเททองนั้นกระทำที่หน้าหอพระศาสตราคม กำหนดเวลาพระฤกษ์พร้อมกันกับพระฤกษ์บรรจุดวงชะตาพระนครในหลักเมือง  ครั้นรุ่งขึ้นวันจันทร์ที่สองพฤษภาคมพุทธศักราช 2396 ตรงกับวันแรม 10 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู เบญจศกรัตนโกสินทร์ศก 72 จุลศักราช 1215 ที่ศาลหลักเมืองเวลาเช้ามีพิธีเวียนเทียนสมโภชหลัก เมืองโดยนายอำเภอได้ป่าวประกาศให้ราษฎรมาร่วมในพิธีสมโภชและคอยรับแว่นเวียนเทียนพันจันทนุมาศเกณฑ์ปี่พาทย์เชลยศักดิ์ 4 วง หมื่นเทวาทิศจัดฆ้องชัย มาคอยประโคมขณะเวียนเทียนนอกจากนี้กรมวังได้จัดเพลงและกรมเมืองจัดละครแสดงสมโภชหลักเมืองด้วย


01 กรกฎาคม 2558 ถึง 01 มกราคม 2559

            ความชื้นที่เกิดขึ้นที่องค์เสาหลักเมือง เนื่องจากองค์เสาหลักเมืองในรัชกาลที่ 4 ในส่วนโคนเสาฝังลงในดิน  เวลาที่ฝนตกหนักหรือน้ำระบายไม่ทันและบริเวณใกล้เคียงเป็น  ตาน้ำทำให้บริเวณส่วนองค์เสาหลักเมืองที่ติดกับพื้น  มีผิวไม้เดิมที่เปื่อย   ต้องรอให้ฝนหยุดตกอยู่หลายวันจนผิวบริเวณนั้นแห้งสนิทค่อยปฏิบัติงานขั้นตอนต่อไปได้

 

- เนื่องจากองค์เสาหลักเมืองเป็นไม้ชัยพฤกษ์ 6 ชิ้น ที่ประกอบเข้าด้วยกันเป็นตัวองค์เสาหลักเมือง ในรัชกาลที่ 4 และอาจจะเป็นความชื้นภายในที่ทำให้ไม้แต่ละชิ้นแยกออกจากกันเป็นช่องประมาณเกือบครึ่ง เซนติเมตร ซึ่งจำเป็นต้องเสริมไม้ ใหม่เข้าไปโดยใช้ไม้สักที่อบแห้งแล้วตอกเสริมเข้าไปเพื่อเสริมความแข็งแรงให้สมบูรณ์ดังเดิมแล้วแก้ไขปัญหาการเกิดรอยต่อของไม้ให้เรียบร้อย ด้วยการนำผ้าขาวบางตัดให้มีขนาดประมาณ 3 เซนติเมตร ปะบริเวณที่เสริมไม้ใหม่แล้วทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงเพื่อให้ผ้าขาวบางเรียบติดเป็นเนื้อเดียวกับผิวองค์เสาหลักเมืองแต่การเสริมไม้ใหม่อาจทำให้เกิดการยืดหดของไม้ใหม่ได้ในเวลาที่ฝนตกหนักหรือมีความชื้นเกิดขึ้นภายใน

 
- หลังจากโปว์แล้วทารักสมุกจนแห้งสนิทแล้ว จะเห็นเป็นฟองอากาศดันขึ้นมาบ้าง ขององค์เสาหลักเมืองหลังจากฝนตกหนักประมาณ 2-3 วันติดกันก็จะแก้ปัญหาโดยการนำเข็มหมุด จอด บริเวณที่เป็นฟองอากาศให้เป็นรูเท่าเข็มที่เจาะซัก 2-3เพื่อให้ได้ระบายความชื้นได้บ้าง เพราะเรา ไม่สามารถเจาะหรือระบายความชื้นในตัวองค์ ให้มีขนาดใหญ่เพราะเป็นการไม่เหมาะสมและทำให้องค์ดูไม่สมบูรณ์แสดงว่าความชื้นยังเกิดขึ้นได้ตลอดที่มีฝนตก

         เนื่องจากองค์เสาหลักเมืองในรัชกาลที่4 มีความชื้นในเวลาที่ฝนตกหนักๆ ควรเจาะเพื่อระบาย ความชื้นก่อนปฏิบัติงานลงรักปิดทองและการเจาะต้องเจาะบริเวณที่ลับตามองไม่เห็นซึ่งจะอยู่ ในส่วนของที่เป็นฐานล่างแปดเหลี่ยม(แต่ไม่สามารถเจาะได้) หรือระบายความชื้นบริเวณโดยรอบองค์เสาหลักเมืองโดยไม่ต้องเทปูน ติดที่พื้นทั้งหมดเพราะการเทพื้นปูนทั้งหมดเป็นการปิดกั้นระบายความชื้นไม่ให้ออกไปได้

 
- มีการทำพื้นรักสมุกองค์เสาหลักเมืองในรัชกาลที่ 4 ควรเลือกสมุกที่เป็นวัสดุชนิดเดียวกับองค์เสาหลักเมือง สมุกกะลาเพราะจะทำให้เนื้อสมุกที่ โปว์หรือทากับผิวได้ดีกว่าสมุกที่ทำด้วยดินเผาหรืออิฐซึ่งเป็นวัสดุคนละประเภทกับเสาหลักเมือง และอิฐหรือดินเผาอาจจะมีความเค็มอาจทำให้พื้นรักสมุกที่ทา โปว์หลุดล่อนง่าย

 
 - สมุกกะลาที่จะนำมาผสมกับรักน้ำเกลี้ยง ควรนำมาแช่น้ำก่อนประมาณ 3-5 วัน นำมากรองด้วยผ้าขาวบางก่อนบีบน้ำออกให้มากที่สุดแล้วค่อยนำมาผสมกับรักน้ำเกลี้ยงตามสูตรที่ต้องการ จะทำให้รักสมุกที่ทาหรือโปว์แห้งโดยไม่ต้องเข้าตู้อบภายใน 2-3 วัน
 
- เวลาที่ทาพื้นรักแต่ละครั้งควรขัดผิวทุกครั้งที่ทารักน้ำเกลี้ยงหรือทารักสมุก เพราะจะทำให้พื้นผิวที่ได้เรียบเนียนเวลาทารักเพื่อปิดทองผิวจะเงา ทำให้งานที่ปิดทองออกมาดูสวยงามกว่าพื้นผิวที่ทาด้วยสีวิทยาศาสตร์

 
- การกรองรักน้ำเกลี้ยงควรกรองทุกครั้งที่จะนำมาใช้เพราะจะได้รักน้ำเกลี้ยงที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

- วัสดุที่จะนำมาโปรักสมุกควรเป็นพลาสติกเพราะเวลาปาดหรือเก็บตะเข็บหรือผิวที่มีลักษณะโค้งเว้าได้ดีกว่าเกรียงโปว์ที่เป็นเหล็กจะทำให้บังคับยากเก็บส่วนเว้าส่วนโครงได้ไม่เรียบร้อย

 
- ในการผสมรักสนุกกลากับรักน้ำเกลี้ยงเข้าด้วยกันโดยใช้ อัดตราส่วน 1:5 (คือสมุกกะลา 1 ส่วนรักน้ำเกลี้ยง 5 ส่วน นวดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน) เพื่อให้เข้าใจว่าการผสมรักสมุกได้ง่ายยิ่งขึ้น 1:5 หมายถึง สมุกน้อยรักน้ำเกลี้ยงมาก ลักษณะเนื้อที่ได้เหมาะสำหรับใช้ทาส่วนการประสมรักสมุก 5:3 หมายถึงรักสมุกมากรักน้ำเกลี้ยงน้อยนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ลักษณะเนื้อที่ได้มี ความเหนียวเหมาะสำหรับโปวัพื้นผิวให้มีความหนามากขึ้น(อาจจะเป็นการเรียกการทำงานให้เข้าใจง่ายขึ้นว่าจะใช้วิธีไหนในการปฏิบัติงานแต่ละขั้นตอน)

เป็นที่เการพและสักการบูชาของประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ มากราบไหว้เป็นประจำ


ขั้นตอนที่ ๑

สำรวจ ประมาณราคา วัสดุปกรณ์ในการปฏิบัติงานศึกษาค้นคว้ากรรมวิธีแบบโบราณจาก

หนังสือและข้อมูลที่บันทึกไว้และผู้มีประสบการณ์

 

 

สำรวจก่อนปฏิบัติงาน

 


ขั้นตอนที่ ๒

ตั้งนั่งร้าน คลุมด้วยผ้าขาวเพื่อสะดวกในการซ่อมบูรณะ





ขั้นตอนที่ ๓

ลอกผิวเดิมที่เป็นวัสดุสังเคราะห์ออกให้หมดด้วยความระมัดระวังในส่วนที่เป็นผิวเรียบองค์เสาหลักเมืองและในส่วนที่เป็นลวดลายแกะสลักหัวเม็ดทรงมัณฑ์รวมทั้งกะเทาะกระจกเดิมออกให้หมด





ลอกผิวขัดแต่งในส่วนที่เป็นผิวเดิมที่ชำรุดเสียหาย


ขั้นตอนที่ ๔

เสริมไม้ในส่วนที่ชำรุดเสียหายหรือผุเปื่อยให้สมบูรณ์ดังเดิม ในส่วนขององค์เสาหลักเมืองในส่วนของหัวเม็ดทรงมัณฑ์แกะเสริมในส่วนที่หักหลุดหายไปให้สมบูรณ์


การผสมรักสมุกโปวี(รักน้ำเกลี้ยง 3 สมุกกะลา 5 )



เสริมไม้ในส่วนที่ผุให้สมบูรณ์ด้วยรักสมุก


ขั้นตอนที่ ๕

ตัดผ้าขาวบางให้มีขนาดใหญ่กว่าในส่วนที่เสริมไม้ใหม่ แล้วทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงที่กลองเรียบร้อยแล้วให้ทั่วทั้งหมด ในส่วนที่เสริมไม้ใหม่เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์




 

ตัดผ้าขาวปะในส่วนที่เสริมไม้ใหม่เพื่อปิดรอยต่อด้วยรักน้ำเกลี้ยง


ขั้นตอนที่ ๖

ผสมรักสมุก 1 : 5 (สมุกกะลา เ ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 5 ส่วน นวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวทาให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองจนถึงขอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์ทิ้งให้แห้งสนิทประมาณหนึ่งสัปดาห์)




ทารักสมุก (รักน้ำเกลี้ยง 5ส่วน สมุกกะลา 1ส่วน นวดให้เข้ากัน)


ขั้นตอนที่ ๗

ขัดด้วยกระดาบทรายเบาๆในส่วนองค์เสาหลักเมืองที่เป็นผิวเรียบอย่าให้ถึงเนื้อไม้



ขัดแต่งผิวในส่วนองค์เสาหลักเมือง


ขั้นตอนที่ ๘
เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆประมาณ 2-3 รอบทิ้งให้แห้งสนิท

ขั้นตอนที่ ๙

ทารักน้ำเกลี้ยงบางๆในส่วนองค์เสาหลักเมืองที่เป็นผิวเรียบ




 

ทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้ว

 



ขั้นตอนที่ ๑๐

ผสมรักสมุกโปว์ 5:3 (สมุกกะลาเปียก 5 ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 3 ส่วนนวดให้เป็นเนื้อเคียวกัน)



(สมุกกะลาเปียก 5 ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 3 ส่วนนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน)


ขั้นตอนที่ ๑๑

ผสมรักสมุก 5:3 มาโปว์ให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองในส่วนที่เป็นผิวเรียบทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์




 

โปว์รักสมุก (สมุกกะลาเปียก 5 ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 3 ในส่วนที่เป็นผิวเรียบ)


ขั้นตอนที่ ๑๒
นำกระดาษทรายมาขัดเบาๆให้ทั่วในส่วนที่เป็นผิวเรียบขององค์เสาหลักเมือง

ขั้นตอนที่ ๑๓
เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆให้ทั่วในส่วนที่ขัดประมาณ 2-3 รอบ ทิ้งให้แห้งสนิท

ขั้นตอนที่ ๑๔

ปฏิบัติงานขั้นตอนทารักน้ำเกลี้ยง โป๊วรักสมุก ขัดแต่งผิว ประมาณ 2-3 รอบ โดยให้องค์เสาหลักเมืองมีผิวเรียบเนียนเสมอกันทั่วทั้งองค์


ขั้นตอนที่ ๑๕
นำกระดาษทรายมาขัดเบาๆให้ส่วนที่เป็นหัวเม็ดทรงมัณฑ์อยากให้ลงถึงเนื้อไม้

ขั้นตอนที่ ๑๖
เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆให้ทั่วทั้งหัวเม็ดทรงมัณฑ์ประมาณ 2-3 รอบทิ้งให้แห้งสนิท

ขั้นตอนที่ ๑๗

นำรักน้ำที่กรองเรียบร้อยแล้ว มาทาให้ทั่วตั้งแต่องค์เสาหลักเมืองจนถึงยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์

นำผ้าขาวมาขึงทำตู้บ่มให้มีขนาดใหญ่กว่าองค์เสาหลักเมืองเพื่อฉีดน้ำบ่มให้ผิวแห้งและกันฝุ่น

 


ขั้นตอนที่ ๑๘
ขัดด้วยกระดาษทรายเบาๆให้ทั่วตั้งแต่องค์เสาหลักเมืองจนถึงยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์

ขั้นตอนที่ ๑๙

เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองและยอดหัวเม็ดทรงมัณท์ ประมาณ 2-3

รอบทิ้งให้แห้งสนิท


ขั้นตอนที่ ๒๐

ปฏิบัติงานขั้นตอนทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วเข้าตู้บ่มเข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทขัด

แต่งผิวจนเรียบเนียนทำขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 รอบ จนผิวตึงเนียน


ขั้นตอนที่ ๒๑

ทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วให้ทั่วตั้งแต่องค์เสาหลักเมืองจนถึงยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์

เพื่อปิดทอง เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งประมาณ 1 วัน




ทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วเพื่อปิดทอง


ขั้นตอนที่ ๒๒
นำทองคำเปลว 100% มาปูตั้งแต่องค์เสาหลักเมืองจนถึงยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์



ปิดทองหัวเม็ดทรงมัณฑ์



ปิดทององค์เสาหลักเมือง

ขั้นตอนที่ ๒๓

นำพู่กันหุ้มพลาสติกมากวดในส่วนที่เป็นรอยต่อของทองแต่ละแผ่นที่ปูกวดให้แผ่นบนทับ แผ่นล่างในส่วนที่เป็นผิวเรียบของตัวองค์และใช้พู่กันแตะทองในส่วนที่เป็นลวดลายที่นิ้วกวด ไม่ถึงในส่วนยอดหัวเม็ดส่งมันจนทั่วทั้งหมด


ขั้นตอนที่ ๒๔

นำสำลีมากวดให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองเพื่อให้ผิวทองคำเปลวที่ปิดเรียบเนียนยิ่งขึ้น ปัดฝุ่นทองออกให้หมด


ขั้นตอนที่ ๒๕
ตัดและประดับกระจกในส่วนยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์ให้สมบูรณ์ดังเดิม








ปิดทององค์เสาหลักเมืองจนแล้วเสร็จ



-
จำนวนผู้เข้าชม 3,241 คน
  BACK TO TOP
jualtoto jualtoto jualtoto jual toto cahayatoto cahaya toto ohtogel oh togel indosattoto indosat toto ohtogel oh togel ohtogel oh togel ohtogel oh togel jualtoto jual toto jualtoto jual toto cahayatoto cahaya toto cahayatoto cahaya toto indosattoto indosat toto indosattoto indosat toto jualtoto ohtogel sisi368 jualtoto jualtoto sisi368 sisi368 sisi368 situs toto situs toto situs toto ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel sisi368 sisi368 sisi368 sisi368 sisi368 ohtogel