คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies) |
เปิดใช้งานตลอด |
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies) |
|
หลักเมืองกรุงเทพมหานคร ได้สถิตสถาพรมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติในปีพุทะศักราช ๒๓๙๘ ทรง พระราชดำริว่าเสาหลักเมืองต้นที่สร้างไว้แต่ครั้งรัชกาลที่ 1 นั้นได้ชำรุดไปตามกาลเวลาทั้งตัวศาลก็ไม่สง่างามเท่าที่ควร
ประกอบกลับทรงเชี่ยวชาญในโหราศาสตร์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ผูกดวงชะตาพระนครขึ้นใหม่ให้ต้องตามดวงพระราชสมภพ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทั้งหลายที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารประสบความเจริญรุ่งเรืองให้วัฒนาถาวรยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเอกสาร 2 ฉบับซึ่งกล่าวถึงวันที่จารึกดวงชะตากรุงเทพมหานครคือ
๑. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระบรมานุธิตชิโนรส
๒. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวุเรศวริยาลงกรณ์ ( กรมหมื่นบวรรังสีสุริยพันธ์ )
จดหมายพระราชพิธีบรรจุชาตาพระนคร รัชกาลที่ ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ ในภาคผนวกที่ 2 เอกสารฉบับที่ 5 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า "กำหนด ณ วันที่ 5 4 ค่ำปีชวดจัตวาศก เพลาเช้า 6 บาทจะได้ลงควงพระนครในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม"
ประกาศการพระราชาพิธีเล่ม 2 ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิ์ประวัติ กรมพระสมมตอมรพันธ์ ฉบับพิมพ์พุทธศักราช 2508 เรื่องจดหมายพะราชพิธีบรรจุชาตาพระนครในรัชกาลที่ 4 ซึ่งขาด จากเอกสารจดหมายฉบับพระราชพิธีบรรจุชาตาพระนครราชการที่หนึ่งไปพิมพ์กล่าวว่า "กำหนด ณ วันที่ 4 4 ค่ำปีขวด จัดวาศก เพลาเช้า 6 บาท จะไคลควงพระนครในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม"
อย่างไรก็ตามวัน 5 4 ค่ำและวัน 4 4 ค่ำ ปีชวด จัตวาศก คณะอนุกรรมการจัดทำจดหมายเหตุ ได้ตรวจสอบกับปฏิทินของกรมตำรากระทรวงศึกษาธิการฉบับพิมพ์พุทธศักราช 2468 และปฏิทิน เทียบสุริยคติและจันทรคติฉบับอื่นๆแล้วไม่มีวันดังกล่าวจึงเทียบวันทางสุริยคติไม่ได้ รายละเอียดของพระราชพิธีจารึกควงชาตาพระนครลงในแผ่นทองคำปรากฏในเอกสารจดหมายพระราชพิธีบรรจุชาตาพระนครดังนี้ "ข้าพระพุทธเจ้าพระยาโหราธิบดี ขุนโชตพรมมา ขุนเทพากร พร้อมกันขอพระราชทานคำนวณ พระฤกษ์ลงด้วยชะตาพระนครและพระราชพิธีบรรจุหลักทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย กำหนด ณ วัน 5 4ค่ำชวด จัตวาศกเพลาเช้า 6 บาท จะได้ลงดวงพระนครในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม พระสงฆ์ 5 รูปกรมสมเด็จพระปรมานุชิต กรมหมื่นบวรรังษีเป็นประธาน ให้มี บายศรีตอง 5 ชั้นสำรับ 1เทียนทอง 5 ธูปเงิน เครื่องกระยาบวช แป้งหอม น้ำมันหอม มีเครื่องนมัสการสำรับ 1 ให้ประโคมปี่พาทย์ กลองแขก ฆ้องชัย แตรสั่ง แล้วเจิมแป้ง ประมาณแผ่นทองหนัก 1 ตำลึงแผ่ 12 นิ้ว สี่เหลี่ยม มิให้มีแผลสนิทดี ลงสำเร็จแล้ว "
อนึ่งสำหรับเวลาฤกษ์บรรจุแผ่นทองคำจารึกดวงชะตากรุงเทพมหานครในยอดหลักเมืองและติด เทวรูปพรหลักเมือง มีเอกสารโบราณหลายฉบับบันทึกไว้ต่างกันดังนี้จดหมายพระราชพิธีบรรจุชะตาพระนครราชการที่ 1 ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ในภาคผนวกที่ 2 เอกสารฉบับที่ 5 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า"ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันที่ 1 6 ค่ำ เพลาเช้า 2 โมง 8 บาท เป็นวันพระฤกษ์"
ประกาศเทวดาจุลศักราช 1215 พุทธศักราช 2396 ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ในภาคผนวกที่ 2 เอกสารฉบับที่ 6 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า "พระเลิกเดิมเพลา 7 ทุ่ม 3 บาทเลื่อนมาเป็นเวลาเช้า 3 โมงได้บรรจุพระสุพรรณบัตร"
หมายรับสั่งรัชกาลที่ 4 ปีฉลู เบญศกจุลศักราช 1215 พุทธศักราช 2396 ซึ่งคัดมารวมพิมพ์ไว้ใน ภาคผนวกที่ 2 เอกสารฉบับที่ 7 ท้ายจดหมายเหตุนี้กล่าวว่า "พระฤกษ์ซึ่งจะได้บรรจุหลักพระนครณ วันแรม 9 ค่ำ เดือน 6 เพลาย่ำรุ่งแล้ว 2 โมงกับ 8 บาท"
ครั้นเวลาฤกษ์โหนบูชาฤกษ์แล้วพระยาโหราธิบดีเชิญดวงชะตาพระนครเข้าบรรจุในยอดหลัก เมืองแล้วติดรูปเทวดาพระหลักเมือง พี่ใต้เม็ดยอดเสาหลักเมืองขณะนั้นชาวพนักงานประโคมปี่พาทย์ กลองแขก ฆ้องชัย แตรสังข์ ทหารยิงปืนใหญ่ พระมหาฤกษ์ พระมหาชัยมหาจักร มหาปราบ ทั้ง 4 ทิศพระสงฆ์สวดชยันโต พระยาโหราธิบดีประน้ำโปรยทราย ผูกผ้าสีชมพูที่หลักเมืองแล้วเวียนเทียน เจิมแป้งหอมน้ำมันหอม ห้อยพวงดอกไม้ต่อมาเวลา 7 ทุ่ม 3 บาทพระยาโหราธิบดีอ่านประกาศเชิญเทวดาเข้าประดิษฐานในเทวโลกบนยอดหลักเมืองมีความดังนี้ "ถ้าแต่ท้าวเทวานุราช สุรารักษ์อันควรจะเสด็จสถิตย์อธิวาศนานุรักษ์ บนยอดหลักสำหรับพระมหานครข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญเทพยมหิทธิมเหศรผู้ทรงสิทธิศักดิ์จงเข้าสิงสู่สำนักในเทวรูปซึ่งประดิษฐาน บนยอดบรมมหานครโตรัน อันบรรจุใส่สุพรรณบัฏจารึกดวงพระชันษากรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรอยุธยา บรมราชธานีนี้จงช่วยคุ้มครองป้องกันสรรไพรีราชดัสก อย่าให้บีฑาถึงพระมหานครราชธานีแลบุรีรอบขอบเขตขัณฑสีมามณฑล ทั่วสกลราชอาณาประวัติ แล้วจงอภิบาลรักษาสมเด็จพระบรมกษัตริย์อันเสด็จเถลิงถวัลยราช พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหากุฎสมมุติเทพยพงย์ทั้งเอกองค์อรรควรราชอนุชา และพระบรมขัตติขวงศาเสวกามาตย์ราชอันเตบุเรบริจาริก อีกทั้งสมณพราหมณ์ประชาราษฎร ทั่วนิกรสัตว์จัตบททวิบาทในพระราชอาณาจักรให้ปราศจากสรรปรปักษ์ปัจจามิตรภัยพาลจงเกษมสุขสำราญนิรันตรายบำราศ ทุกสิ่งสภาโรคาพยาธิอุปัทวันตรธาน อย่าให้มีโรคภัยพิบัติอุปัทวบีฑาคณานอกรราชบรรพสัชสิ้นทั้งปวง ให้พระมหานครหลวงแลเมืองขึ้นออกทุกเขตรขันทปรจันตชนบทสีมา ดุจคำประกาศอันข้าพระพุทธเจ้ากล่าวอาราธนากถาดั่งนี้เทอญ" หลังจากนั้นพระยาโหราธิบดีสวมเม็ดส่งมัณฑ์ที่ยอดหลักแล้วตรึงเหล็ก เป็นเสร็จการ อนึ่งในวันเดียวกันนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้เททองหล่อพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล สำหรับเชิญนำกระบวนเสด็จออกนอกพระนครอย่างที่สมเด็จพระบูรพามหากษัตริย์ทรงปฏิบัติกันสืบมา พิธีเททองนั้นกระทำที่หน้าหอพระศาสตราคม กำหนดเวลาพระฤกษ์พร้อมกันกับพระฤกษ์บรรจุดวงชะตาพระนครในหลักเมือง ครั้นรุ่งขึ้นวันจันทร์ที่สองพฤษภาคมพุทธศักราช 2396 ตรงกับวันแรม 10 ค่ำเดือน 6 ปีฉลู เบญจศกรัตนโกสินทร์ศก 72 จุลศักราช 1215 ที่ศาลหลักเมืองเวลาเช้ามีพิธีเวียนเทียนสมโภชหลัก เมืองโดยนายอำเภอได้ป่าวประกาศให้ราษฎรมาร่วมในพิธีสมโภชและคอยรับแว่นเวียนเทียนพันจันทนุมาศเกณฑ์ปี่พาทย์เชลยศักดิ์ 4 วง หมื่นเทวาทิศจัดฆ้องชัย มาคอยประโคมขณะเวียนเทียนนอกจากนี้กรมวังได้จัดเพลงและกรมเมืองจัดละครแสดงสมโภชหลักเมืองด้วย
ความชื้นที่เกิดขึ้นที่องค์เสาหลักเมือง เนื่องจากองค์เสาหลักเมืองในรัชกาลที่ 4 ในส่วนโคนเสาฝังลงในดิน เวลาที่ฝนตกหนักหรือน้ำระบายไม่ทันและบริเวณใกล้เคียงเป็น ตาน้ำทำให้บริเวณส่วนองค์เสาหลักเมืองที่ติดกับพื้น มีผิวไม้เดิมที่เปื่อย ต้องรอให้ฝนหยุดตกอยู่หลายวันจนผิวบริเวณนั้นแห้งสนิทค่อยปฏิบัติงานขั้นตอนต่อไปได้
เป็นที่เการพและสักการบูชาของประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ มากราบไหว้เป็นประจำ
สำรวจ ประมาณราคา วัสดุปกรณ์ในการปฏิบัติงานศึกษาค้นคว้ากรรมวิธีแบบโบราณจาก
หนังสือและข้อมูลที่บันทึกไว้และผู้มีประสบการณ์
สำรวจก่อนปฏิบัติงาน
ตั้งนั่งร้าน คลุมด้วยผ้าขาวเพื่อสะดวกในการซ่อมบูรณะ
ลอกผิวเดิมที่เป็นวัสดุสังเคราะห์ออกให้หมดด้วยความระมัดระวังในส่วนที่เป็นผิวเรียบองค์เสาหลักเมืองและในส่วนที่เป็นลวดลายแกะสลักหัวเม็ดทรงมัณฑ์รวมทั้งกะเทาะกระจกเดิมออกให้หมด
ลอกผิวขัดแต่งในส่วนที่เป็นผิวเดิมที่ชำรุดเสียหาย
เสริมไม้ในส่วนที่ชำรุดเสียหายหรือผุเปื่อยให้สมบูรณ์ดังเดิม ในส่วนขององค์เสาหลักเมืองในส่วนของหัวเม็ดทรงมัณฑ์แกะเสริมในส่วนที่หักหลุดหายไปให้สมบูรณ์
การผสมรักสมุกโปวี(รักน้ำเกลี้ยง 3 สมุกกะลา 5 )
เสริมไม้ในส่วนที่ผุให้สมบูรณ์ด้วยรักสมุก
ตัดผ้าขาวบางให้มีขนาดใหญ่กว่าในส่วนที่เสริมไม้ใหม่ แล้วทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงที่กลองเรียบร้อยแล้วให้ทั่วทั้งหมด ในส่วนที่เสริมไม้ใหม่เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์
ตัดผ้าขาวปะในส่วนที่เสริมไม้ใหม่เพื่อปิดรอยต่อด้วยรักน้ำเกลี้ยง
ผสมรักสมุก 1 : 5 (สมุกกะลา เ ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 5 ส่วน นวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวทาให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองจนถึงขอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์ทิ้งให้แห้งสนิทประมาณหนึ่งสัปดาห์)
ทารักสมุก (รักน้ำเกลี้ยง 5ส่วน สมุกกะลา 1ส่วน นวดให้เข้ากัน)
ขัดด้วยกระดาบทรายเบาๆในส่วนองค์เสาหลักเมืองที่เป็นผิวเรียบอย่าให้ถึงเนื้อไม้
ทารักน้ำเกลี้ยงบางๆในส่วนองค์เสาหลักเมืองที่เป็นผิวเรียบ
ทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้ว
ผสมรักสมุกโปว์ 5:3 (สมุกกะลาเปียก 5 ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 3 ส่วนนวดให้เป็นเนื้อเคียวกัน)
(สมุกกะลาเปียก 5 ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 3 ส่วนนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน)
ผสมรักสมุก 5:3 มาโปว์ให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองในส่วนที่เป็นผิวเรียบทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์
โปว์รักสมุก (สมุกกะลาเปียก 5 ส่วน รักน้ำเกลี้ยง 3 ในส่วนที่เป็นผิวเรียบ)
ปฏิบัติงานขั้นตอนทารักน้ำเกลี้ยง โป๊วรักสมุก ขัดแต่งผิว ประมาณ 2-3 รอบ โดยให้องค์เสาหลักเมืองมีผิวเรียบเนียนเสมอกันทั่วทั้งองค์
นำรักน้ำที่กรองเรียบร้อยแล้ว มาทาให้ทั่วตั้งแต่องค์เสาหลักเมืองจนถึงยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทประมาณ 1 สัปดาห์
นำผ้าขาวมาขึงทำตู้บ่มให้มีขนาดใหญ่กว่าองค์เสาหลักเมืองเพื่อฉีดน้ำบ่มให้ผิวแห้งและกันฝุ่น
เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองและยอดหัวเม็ดทรงมัณท์ ประมาณ 2-3
รอบทิ้งให้แห้งสนิท
ปฏิบัติงานขั้นตอนทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วเข้าตู้บ่มเข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งสนิทขัด
แต่งผิวจนเรียบเนียนทำขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 รอบ จนผิวตึงเนียน
ทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วให้ทั่วตั้งแต่องค์เสาหลักเมืองจนถึงยอดหัวเม็ดทรงมัณฑ์
เพื่อปิดทอง เข้าตู้บ่มทิ้งให้แห้งประมาณ 1 วันทารักน้ำเกลี้ยงที่กรองเรียบร้อยแล้วเพื่อปิดทอง
ปิดทองหัวเม็ดทรงมัณฑ์
นำพู่กันหุ้มพลาสติกมากวดในส่วนที่เป็นรอยต่อของทองแต่ละแผ่นที่ปูกวดให้แผ่นบนทับ แผ่นล่างในส่วนที่เป็นผิวเรียบของตัวองค์และใช้พู่กันแตะทองในส่วนที่เป็นลวดลายที่นิ้วกวด ไม่ถึงในส่วนยอดหัวเม็ดส่งมันจนทั่วทั้งหมด
นำสำลีมากวดให้ทั่วทั้งองค์เสาหลักเมืองเพื่อให้ผิวทองคำเปลวที่ปิดเรียบเนียนยิ่งขึ้น ปัดฝุ่นทองออกให้หมด
ปิดทององค์เสาหลักเมืองจนแล้วเสร็จ