ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว

คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)

เปิดใช้งานตลอด
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการ ใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการใน สาระสำคัญของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วย ให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

image header.
ระบบศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
image header.


ผลงาน


การลงรักปิดทองใหม่ พระพุทธรูปสําคัญ ๒ องค์ องค์ที่ ๑ คือพระพุทธเมตตาคุณากร (ปางลีลา) โรงพยาบาลศิริราช พยาบาล
        ด้วยกรมศิลปากรได้รับหนังสือ ขอความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลศิริราชพยาบาล ให้ช่วยซ่อมบูรณะ พระพุทธรูปสำคัญ ๒ องค์ ซึ่งมีสภาพชำรุด สมควรได้รับการซ่อมบูรณะโดยช่างผู้มีความชำนาญเฉพาะทางได้แก่ องค์ที่ ๑ คือพระพุทธเมตตาคุณากร (ปางลีลา) องค์ที่ ๒ คือพระพุทธรูปประจำหอพักนักศึกษาแพทย์ชาย (ปางห้ามสมุทร)               โดยแจ้งว่า จำเป็นต้องขอความกรุณาจากกรมศิลปากร ซึ่งมีหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญช่างสิบหมู่ที่มีความรู้ความชำนาญด้านงานลงรักปิดทอง มาช่วยซ่อมบูรณะ พระพุทธรูปสำคัญทั้ง ๒ องค์ ประวัติความเป็นมา             โรงพยาบาลศิริราช เป็นโรงพยาบาลของรัฐ สังกัดคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่เลขที่ ๒ ถนนวังหลังแขวงศิริราชแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)พระพุทธเมตตาคุณากร(ปางลีลา) สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ได้จัดสร้างขึ้นไว้ในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ ๓ รอบ ทำจากวัสดุสำริด ลงรักปิดทอง สูงพร้อมฐาน ๒๖๐ ซม. ประดิษฐานอยู่ที่หัวถนนจักรพงษ์ใกล้ศาลาท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และนักศึกษา ตลอดจนผู้ป่วยญาติ รวมทั้ง ประชาชนทั่วไป ได้สักการบูชาเป็นที่พึ่งทางจิตใจและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตโดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเบิกพระเนตร เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๓๔ ลักษณะสำคัญของพระพุทธรูปพระพุทธเมตตาคุณากร          เป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ พระพุทธรูปปางลีลาหรือปางเสด็จจากดาวดึงส์ วัสดุสำริดขนาดสูง ๑๕.๘๗๕ เมตร ประดิษฐานเป็นประธานในอาณาบริเวณอันกว้างขวางของพุทธมณฑล เป็นพระพุทธรูปที่ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระสรีเดิมกำหนดขนาดความสูงไว้ ที่ ๒๕๐๐ นิ้วแต่เมื่อเห็นว่าจะใหญ่โตเกินไปจึงลดขนาดลงเป็น ๒๕๐๐ กระเบียด สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๐ ซึ่งเป็นวาระพิเศษของพุทธศาสนิกชน ทั่วโลกเพราะถือว่าเป็นช่วงระยะเวลา “กึ่งพุทธกาล” จากความเชื่อที่ว่าพุทธศาสนาจะสื่อไปถึง ๕๐๐๐ ปีในฐานะที่ประเทศไทยเป็นแผ่นดินพุทธศาสนา รัฐบาลจึงมีการจัดสร้างพุทธมณฑลขึ้นในวาระนั้นได้ดำเนินการหล่อแล้วเสร็จเมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๕ เป็นช่วงครบรอบ ๒๐๐ ปีกรุงรัตนโกสินทร์  
ปิดทองนพศูล บนเทวาลัย พระศิวลึง ณ เทวสถาน สำหรับพระนคร( โบสถ์พรามหณ์ )
         เนื่องด้วย ในวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เทวสถาน สำหรับพระนคร ( โบสถ์พราหมณ์ )  ได้พบ กิ่งนพศูล บนเทวาลัย พระศิวลึง หักตกลงมาด้านล่าง จึงได้ขอความอนุเคราะห์มาทาง สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากรดำเนินการซ่อมแซม เชื่อมทองเหลือง และ ปิดทองใหม่ทั้งองค์ ณ เทวสถาน สำหรับพระนคร ( โบสถ์พราหมณ์ )  นภศูล หรือ นพศูล กับความกังขา นภศูล สมัยอยุธยา นภศูลปรางค์ทั่วๆ ไป และนภศูลปรางค์สมัยรัตนโกสินทร์  เครื่องประดับส่วนยอดของสถาปัตยกรรมไทย ซึ่งพบเห็นกันอยู่ทั่วไปทั้งที่ส่วนยอดของปรางค์ ตามวัดในพุทธศาสนา หรือส่วนยอดของอาคารปราสาท มหาปราสาทที่มีเครื่องยอดทรงปรางค์ เครื่องประดับนี้ พจนานุกรมฉบับต่างๆ รวมทั้งข้อเขียน บทความ หนังสือ ตำราเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมไทย จะเรียกกันทั้งนภศูลและนพศูล และยังให้ความหมายของกิ่งซึ่งเป็นส่วนประกอบว่าเป็นนภศูลและนพศูลด้วย ซึ่งชื่อที่เรียกต่างๆ นี้ จะแยกแยะว่าควรจะเรียกว่าอย่างใดในภายหลัง             เครื่องประดับนี้จะมีรูปร่างและรูปแบบแตกต่างกัน ส่วนยอดของปราสาทหรือปรางค์ขอมนั้นทั้งที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยและทั้งที่อยู่ในประเทศเขมรปัจจุบัน จะไม่ปรากฏเครื่องประดับยอดปรางค์นี้อยู่ที่ส่วนยอดเลย นอกจากผู้เขียนพบจอมโมฬีหรือบัวกลุ่ม ซึ่งเป็นองค์ประกอบส่วนยอดบนสุด มีรูสำหรับเสียบเครื่องประดับ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๕ เซนติเมตร จอมโมฬีนี้พังทลายหล่นลงมาอยู่บนพื้นดินในจังหวัดบุรีรัมย์ นอกจากนี้ยังพบหลักฐานที่ลายหน้าบันสลักด้วยหินที่มุขของปราสาทด้านทิศตะวันตก  ของปราสาทประธาน ปราสาทเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ก็มีรูปแบบเป็นตรีศูล หรือศาสตราของพระอิศวรเท่านั้น             สำหรับประเทศไทย ยังมีเครื่องประดับยอดปรางค์ทั้งที่อยู่บนยอดของปรางค์ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับองค์ปรางค์ที่รอการบูรณะหรือตั้งแสดงอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ของทางราชการ ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะเครื่องประดับยอดปรางค์ของปรางค์ไทย ที่ยังเรียกชื่อและให้นิยามความหมายที่ยังสับสนกันอยู่เท่านั้น            โดยจะรวบรวมความหมายต่างๆ จากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ และพจนานุกรม ฉบับมติชน พิมพ์ครั้งแรก ๒๕๔๗ มาเทียบเคียงเพื่อความกระจ่างต่อไป (ดูตาราง)           สำหรับเครื่องประดับยอดปรางค์ของประเทศไทย จะเป็นเครื่องโลหะปลายแหลมต่อด้วยแกนกลางเป็นลำยาว เสียบอยู่ที่ยอดปรางค์ต่อจากจอมโมฬีหรือบัวกลุ่ม ตลอดลำที่ยอดเป็นศูล คือหลาว รวมเรียกว่าลำภุขัน ลำ หรือด้ามของอาวุธ มีปลายลำเป็นหลาวมิใช่หอก พอสรุปได้ว่าสิ่งประดับยอดปรางค์ คือแกนกลาง เป็นลำของอาวุธ คือลำภุขัน มีกิ่งจำนวน ๓ ชั้น แต่ละชั้นมีสาขาออกไป ๔ ทิศ ๓ ชั้นรวมเป็น ๑๒ สาขา รวมหลาวซึ่งเป็นแกนกลางอีก ๑ รวมเป็น ๑๓ และโดยเฉพาะจะชี้ขึ้นไปบนฟ้า คือนภ หรือนภา เครื่องประดับยอดปรางค์จึงสมควรเรียกว่านภศูลเท่านั้น ส่วนคำว่านพศูล มีผู้อธิบายว่ามีกิ่งจำนวน ๒ ชั้น รวม ๘ กิ่ง และเมื่อรวมกับหลาวอีก ๑ ก็จะเป็น ๙ ตรงกับคำว่านพ แต่เท่าที่พบปรางค์ต่างๆ ที่อยู่ในประเทศไทยจะพบว่ามีกิ่งจำนวน ๓ ชั้น ๑๒ กิ่งเท่านั้น ไม่พบว่ามีกิ่งหรือสาขาจำนวน ๒ ชั้น ๘ กิ่ง ฝักเพกา-ฝักลิ้นฟ้า เพกา น. ชื่อไม้ต้นชนิด Oroxylumindicum (L.) Kurz ในวงศ์ Bignoniaceaeฝักแบนยาวใหญ่มาก ฝักอ่อนทำให้สุกแล้วกินได้ เมล็ดใช้ทำยาได้ ช่างไทยเอาคำว่าฝักเพกามาเป็นชื่อกิ่งชนิดหนึ่งของนภศูล         จากพจนานุกรมทั้ง ๒ เล่ม อธิบายยอดกลางว่าเป็นหอก ก็ขัดกับคำอธิบายว่าศูล ที่หมายถึงหลาว ส่วนคำว่า แง่งขิง ฝักเพกา ลำภุขัน และสลัดได ที่นิยามความหมายทั้งหมดว่า เครื่องประดับยอดปรางค์นั้นไม่น่าจะถูกต้อง ความหมายของคำดังกล่าวทั้งหมด ต้องหมายถึงรูปแบบของกิ่งหรือสาขาของแต่ละสมัยของสถาปัตยกรรม หรือของแต่ละพื้นถิ่น             ความหมายของทุกคำที่นิยามไว้ว่ามีกิ่งเป็นรูปดาบนั้นถูกต้องเฉพาะกิ่งของนภศูลสมัยรัตนโกสินทร์เท่านั้น เช่น นภศูลที่ยอดปรางค์ของวัดอรุณราชวราราม นภศูลของเครื่องยอดของปราสาททรงปรางค์ของปราสาทพระเทพบิดร หรือพุทธปรางค์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง นภศูลของปรางค์  วัดราชบูรณะและนภศูลของศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร                นภศูลโดยทั่วไปโดยเฉพาะปรางค์สมัยอยุธยา กิ่งจะไม่เป็นรูปดาบ แต่จะเป็นรูปฝักเพกา อันเป็นฝักของต้นไม้ ฝักมีขนาดใหญ่ ฝักอ่อนกินได้ ผู้เขียนพบที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ชาวอีสานจะเรียกต้นเพกานี้ว่าลิ้นฟ้า คงเห็นว่าฝักแบนใหญ่ ปลายฝักคล้ายลิ้น ต้นมีความสูงเสียดฟ้า ส่วนคำว่าลำภุขัน หมายถึงอาวุธชนิดหนึ่ง มีด้ามเป็นลำยาว ปลายสุดเป็นหลาว มิได้หมายถึงนภศูลทั้งอัน ส่วนกิ่งที่เป็นรูปฝักเพกา เป็นลักษณะกิ่งของนภศูลสมัยอยุธยา เช่น นภศูลของปรางค์วัดพระราม ปรางค์วัดกษัตราธิราช ปรางค์วัดศาลาปูน และปรางค์วัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยานภศูล ชนิดแง่งขิง, สลัดได ปรางค์วัดมหาธาตุ สุพรรณบุรี นภศูลที่มีกิ่งเป็นแง่งขิง หรือสลัดไดที่มีรูปแบบคล้ายกันนั้น พบที่วัดมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี                 ผู้เขียนพบขณะที่ทางวัดนำลงมาตั้งใกล้ๆ กับองค์ปรางค์ รอที่จะนำขึ้นไปติดตั้งเมื่อบูรณะเสร็จ ปัจจุบันนำขึ้นไปติดตั้งเหนือจอมโมฬีแล้ว นภศูลปรางค์สมัยรัตนโกสินทร์               สรุปได้ว่า เครื่องประดับยอดปรางค์ในประเทศไทย ผู้เขียนมีความเห็นว่าควรเรียกว่านภศูลอย่างเดียว และควรมีคำนิยามดังนี้                    นภศูล น. เครื่องประดับยอดปรางค์ยอดพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้ายอดกลางเป็นหลาวมีกิ่ง๓ชั้นแตกสาขาออกไป๔ทิศมีรูปแบบต่างๆเช่นฝักเพกาแง่งขิงสลัดไดและดาบ ที่มา         ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ สิงหาคม 2555 ผู้เขียน     รศ. สมใจ นิ่มเล็ก, ราชบัณฑิต   เผยแพร่   วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ.2560
ปิดทองเตากูณฑ์ ภายในเทวสถาน ส าหรับพระนคร( โบสถ์พราหมณ์)
          ด้วยกรมศิลปากรได้รับหนังสือ ขอความอนุเคราะห์จากเทวสถาน ส าหรับพระนคร( โบสถ์พราหมณ์ ) เนื่องด้วยการเตรียมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะต้องมีพิธีพราหมณ์ คือพิธีบูชาไฟ ซึ่งจะต้องใช้เตากูณฑ์ใน การประกอบพิธีฯ จึงขอความอนุเคราะห์เจ้าหน้าที่ที่เคยดูแลซ่อมแซมนพศูลมฑปพระศิวลิงค์ มาช่วยซ่อมผิวเตา กูณฑ์ และขอให้ตรวจสอบเตาเพื่อเก็บความรู้เกี่ยวกับโลหะ และซ่อมสีผิวเตากูณฑ์ และปิดทองเส้นขอบเตากูณฑ์   ณ   เทวสถาน   สำหรับพระนคร( โบสถ์พราหมณ์ )        ประวัติความเป็นมา        พิธีโหมกูณฑ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ พิธีโหมกูณฑ์ ทำในการพระราชพิธีจองเปรียง พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินทร์ และในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช (ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ งดการปฏิบัติในพระราชจองเปรียงไป) ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ ลงมาจึงทำแต่ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช หรือในปัจจุบันนี้ เมื่อมีสมโภชในในการเฉลิมพระชนมพรรษาที่สำคัญ และมีการถวายใบสมิทธิทรงปัดพระองค์ ก็ต้องมีโหมกูณฑ์เผาใบสมิทธนี้ด้วย         ในต้นกรุงปลูกโรงพิธีที่ลานหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในรัชกาลที่ ๔ โปรดให้สร้างโรงพิธีเป็นฝาก่ออิฐถือปูนหลังคามุงกระเบื้องเคลือบขาวมีช่อฟ้าใบระกา พระราชทานชื่อ "หอเวทวิทยาคม" ในรัชกาลที่ ๕ ย้ายมาจากหน้าพระที่นั่งดุสิตฯ มาปลูกอยู่ที่มุมโรงกษาปณ์เก่า ( ต่อมาเป็นพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีฯ ในปัจจุบันนี้ )          โรงพระราชพิธีมีคร่าวไม้ติดเสาถึงกันทุกเสา ตามตำราพราหมณ์เรียกว่า "พรหมโองการ" แล้วจึงพาดผ้าโตรทวาร ในโรงพระราชพิธีตั้งเตียง ๓ เตียง ลดเป็นลำดับลงมาอย่างตั้งเทวรูปของพราหมณ์ ๑.ชั้นบนสุด ตั้งพรอิศวร พระนารายณ์ พระมหาพิฆเณศวร พระอิศวรทรงโค และพระอุมา ๒.ชั้นกลาง ตั้งเทวรูปนพเคราะห์ ๓.ชั้นล่าง ตั้งเบญจคัพย์ กลศ สังข์           เตาสำหรับโหมกูณฑ์นี้ เป็นเตาทองแดง เป็นของอยู่ในพระคลังในซ้าย                 (ในรูปคือที่เป็นสี่เหลี่ยมซ้อนชั้นทางขวามือ)                  ธรรมเนียมการโหมกูณฑ์ คือ การทำน้ำมนต์ในหม้อข้าว ได้แบบอย่างมาจากอินเดีย (ขอพราหมณ์อินเดีย คือ หม้อทองเหลืองที่ใช้หุงข้าวและตักน้ำในเดือนสาม / ของพระสงฆ์ คือ บาตร)                หม้อกุมภ์ (ด้านซ้ายภาพ) คือหม้อดินสำหรับหุงข้าวธรรมดา ๙ ใบ ตั้งกลางใบหนึ่ง ล้อมรอบด้วยอีก ๘ ใบ ในหม้อกุมภ์มีเงินเฟื้องทุกหม้อ หม้อกุมภ์ทั้ง ๙ นี้ เมื่อเสร็จพิธี จะเก็บน้ำมนต์ในหม้อกลางไว้ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันทรงเครื่องใหญ่และใช้ในการพระราชพิธีต่างๆ อีก ๘ หม้อจะแจกกันไปตามเจ้ากรม/ปลัดกรม ไว้สำหรับถวายสรงเจ้านายหรือรดน้ำในพิธีต่างๆ                สิ่งสำคัญคือ "ใบสมิทธิ" หรือ "ใบสมมิทธิ" เป็นช่อใบไม้มัดรวม (ในพานทางขวาของเทวรูป) เดิมประกอบด้วย ใบรัก ใบมะม่วง ใบตะขบ ใบยอ ใบขนุน ใบมะเดื่อ ใบเงิน ใบทอง ใบเฉียงพร้านางแอ ใบมะผู้ ใบระงับ ใบพันงู อย่างละ ๕๐ ใบ พร้อมด้วยมะกรูด ๑๕ ผล ส้มป่อย ๑๕ ฝัก                 ในรัชกาลที่ ๕ โปรดให้ใช้เพียงสามอย่างคือ ๑.ใบตะขบ ๙๖ ใบ แทน ฉันวุติโรค ๙๖ ๒.ใบทอง ๓๒ ใบ แทน เทวดึงสกรรมกรณ ๓๒ ๓.ใบมะม่วง ๒๕ ใบ แทน ปัญจสมหาภัย ๒๕ ประการ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช พราหมณ์จะถวายใบสมิทธิเพื่อทรงปัดพระองค์ในเวลาหลังพระสงฆ์สวดมนต์เย็น แล้วจึงนำกลับมาทำพิธีโหมกูณฑ์ในโรงพิธี               การเผาใบสมิทธิหรือการโหมกูณฑ์นี้ จะใช้ฟืนที่ทำจากไม้พุทรายาวดุ้นละ ๙ นิ้ว มัดละ ๙ ดุ้น วันละ ๒๐ มัด ซึ่งในเตากูณฑ์นั้นจะมีดินและมูลโครองอยู่ข้างใน เมื่อพราหมณ์อ่านเวทติดเพลิง จะเอาใบสมิทธินั้นชุบน้ำผึ้งรวงและน้ำมันดิบเผาลงในเตากูณฑ์ เมื่อเผาเสร็จแล้วจะยังไม่ดับไฟในเตากูณฑ์               ในเตากูณฑ์นอกจากดินและมูลโคแล้วยังมีเต่าทอง ทำด้วยทองคำหนักสองสลึงเฟื้อง ซึ่งจะตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่พราหมณ์ผู้ทำพิธี (พร้อมของหลวงที่พระราชทานมาเพื่อประกอบพิธี เช่น ผ้าขาว หม้อข้าว หม้อน้ำมนต์ ข้าวสาร ข้าวเปลือก มะพร้าว นม เนย รวมทั้งเงินพระราชทาน)             จนเมื่อการพระราชพิธีทั้งหมดเสร็จสิ้นลง พราหมณ์จึงจะดับกองกูณฑ์ด้วยการอ่านเวทดับกูณฑ์ด้วยน้ำสังข์               ข้อมูลดีๆและประวัติ จาก  เทวสถาน สำหรับพระนคร( โบสถ์พราหมณ์ )  
จัดสร้างเครื่องพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
            - พระกรัณฑ์ทองคำ ลายดอกพุดตาน ลงยาราชาวดีฝังเพชร มีพระปรมาภิไธย วปร. ตามแบบที่กำหนด ขนาดความสูง ๓๕ เซนติเมตร จำนวน ๑ องค์           - หีบใส่พระสุพรรณบัฏทองคำ ลายดอกพุดตาน ลงยาราชาวดีฝังเพชรมีพระปรมาภิไธย ภปร. ตามแบบขนาดความกว้าง ๑๐ เซนติเมตร ยาว ๒๐ เซนติเมตร สูง ๕.๕ เซนติเมตร จำนวน ๑ องค์           - หีบใส่พระสุพรรณบัฏทองคำ ลายดอกพุดตาน ลงยาราชาวดีฝังเพชรมีพระปรมาภิไธย วปร. ตามแบบขนาดความกว้าง ๑๐ เซนติเมตร ยาว ๒๐ เซนติเมตร สูง ๕.๕ เซนติเมตร จำนวน ๑ องค์           - หีบใส่พระสุพรรณบัฏทองคำ ลายดอกพุดตาน ลงยาราชาวดีฝังเพชรเฉพาะพระปรมาภิไธย วปร. ตามแบบขนาดความกว้าง ๑๐ เซนติเมตร ยาว ๒๐ เซนติเมตร สูง ๕.๕ เซนติเมตร จำนวน ๒ องค์           - หีบใส่พระสุพรรณบัฏทองคำ ลายดอกพุดตาน ลงยาราชาวดีฝังเพชรเฉพาะมีพระปรมาภิไธย วปร. ตามแบบขนาดความกว้าง ๑๑ เซนติเมตร ยาว ๑๘ เซนติเมตร สูง ๕.๕ เซนติเมตร จำนวน ๔ องค์           - หีบใส่พระสุพรรณบัฏทองคำ ลายดอกพุดตาน ลงยาราชาวดีมีพระปรมาภิไธย วปร. ตามแบบ             ขนาดความกว้าง ๙ เซนติเมตร ยาว ๑๘ เซนติเมตร สูง ๕.๕ เซนติเมตร จำนวน ๓ องค์           - พานวางพระกรัณฑ์และหีบพระสุพรรณบัฏทองคำ ลายดอกพุดตานลงยาราชาวดีตามแบบ             ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางส่วนปากพาน ๑๗.๕ เซนติเมตร ความสูง ๑๒ เซนติเมตร จำนวน ๑๒ พาน  
  BACK TO TOP
jualtoto jualtoto jualtoto jual toto cahayatoto cahaya toto ohtogel oh togel indosattoto indosat toto ohtogel oh togel ohtogel oh togel ohtogel oh togel jualtoto jual toto jualtoto jual toto cahayatoto cahaya toto cahayatoto cahaya toto indosattoto indosat toto indosattoto indosat toto jualtoto ohtogel sisi368 jualtoto jualtoto sisi368 sisi368 sisi368 situs toto situs toto situs toto ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel ohtogel sisi368 sisi368 sisi368 sisi368 sisi368 ohtogel